บล.ไอร่า รุกบริการ Global Trading ผนึกตลาดหุ้นโตเกียว ดึงนักลงทุนไทยลุยหุ้นญี่ปุ่น

> “บล.ไอร่า” รุกบริการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ (Global Trading) ผ่านทุก Platforms ตอบโจทย์นักลงทุนหันเทรด “ตลาดต่างประเทศ” มากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เหตุผลตอบแทนสูง คุ้มค่ากว่าตลาดหุ้นไทย ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเทรดนอกแตะ 30% ใน 2 ปี จากปัจจุบันมี 10% ขยายฐานลูกค้าแตะ 1 พันราย พร้อมผนึก “ตลาดหุ้นโตเกียว” จัดสัมมนา 24 ส.ค.นี้ ดึงนักลงทุนไทยเข้าลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ไพโรจน์ เหลืองเถลิงพงษ์[caption id="attachment_320228" align="aligncenter" width="840"] ไพโรจน์ เหลืองเถลิงพงษ์
[/caption]

นายไพโรจน์ เหลืองเถลิงพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า เปิดเผยว่า บล.ไอร่า มีแผนขยายสัดส่วนกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อ-ขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ (Global Trading) เพิ่มเป็น 30% ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีสัดส่วน 10% ของมูลค่า Commission ทั้งพอร์ต พร้อมตั้งเป้าเพิ่มลูกค้ากลุ่ม Global Trading เป็น 1,000-1,200 ราย เพิ่มขึ้น 100% จากปัจจุบันมีประมาณ 500-600 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ Active มากกว่า 100 ราย มีมูลค่าประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท และคาดว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้น 40-50% ใน 2 ปีข้างหน้า

“การให้ความสำคัญกับกลุ่ม Global Trading เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาด เพราะพฤติกรรมนักลงทุนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนไปตามเทรนการลงทุนในตลาดโลก ส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มหันมาศึกษาการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศมากขึ้น เพราะการเทรดในตลาดต่างประเทศให้ผลตอบแทนที่สูงและคุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไทย”นายไพโรจน์ กล่าว

ด้านผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยในตลาดหุ้นที่สำคัญ YTD (31 ก.ค. 66) เช่น NASDAQ (อเมริกา) สูงถึง 37.1%, NIKKEI (ญี่ปุ่น) 27.1%, S&P500 (อเมริกา) 19.5%, HANG SENG (ฮ่องกง) 1.5% และ FTSE 100 (สหราชอาณาจักร) 3.3% ขณะที่ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยช่วงเดียวกันติดลบ 6.7%

ขณะที่บล.ไอร่า ให้บริการ Global Trading แล้วกว่า 10 ปี ปัจจุบันให้บริการครอบคลุมถึงตลาดหุ้นเกือบทุกประเทศทั่วโลก สามารถดำเนินการซื้อขายได้ด้วยตนเองตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในหุ้นแต่ละบริษัทชั้นนำระดับโลกได้โดยตรง ภายใต้คอนเซ็ปท์ ลงทุนในตลาดโลก ง่าย แค่ปลายนิ้ว เพียงส่งคำสั่งผ่าน platforms ที่ต้องการ อาทิ Mobile Application ทั้ง iOS/Android แบบ Real Time, Desktop Version เริ่มต้นเพียง 100,000 บาท สามารถลงทุนในตลาดหุ้นเกือบทั่วโลก

นายไพโรจน์ กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าบล.ไอร่า ที่ซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ มีสัดส่วนลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ สูงสุดประมาณ 70%, ตลาดหุ้นฮ่องกง ประมาณ 20% และตลาดหุ้นญี่ปุ่นประมาณ 10% ซึ่งสัดส่วนกลุ่มลูกค้าของพอร์ตโดยรวมที่สนใจลงทุนในตลาดต่างประเทศ 20-30% ส่วนใหญ่จะลงทุนหุ้นกลุ่มใหม่ๆที่อยู่ในกระแสการลงทุนของตลาดโลก เช่น กลุ่ม Artificial Intelligence (AI), กลุ่ม Semiconductors, กลุ่ม Tech Software, กลุ่ม EV (Electric Vehicle) และหุ้นกลุ่มที่มีความอย่างยั่งยืน (ESG)

ทั้งนี้ บล.ไอร่า มีรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 60% และอีก 30% เป็นรายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ (Margin Loan) ซึ่งปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อ 1,500 ล้านบาท และสัดส่วนที่เหลือ 10% เป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมบริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Global Trading) ขณะที่ฐานลูกค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5-2 หมื่นบัญชี เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) 50-60% และผู้ลงทุนรายย่อย 30-40% ของวอลุ่มเทรดรวม

นายไพโรจน์ กล่าวว่า บล.ไอร่า เตรียมผนึกกำลังกับตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange : TSE) และSumitomo Mitsui Trust Asset Management จัดงานสัมมนาแบบ Exclusive ในประเทศไทย หัวข้อ : Japanese Equity Investment เพื่อแนะนำให้นักลงทุนไทยรู้จักและเข้าไปลงทุนในตลาดญี่ปุ่นมากขึ้น โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 24 ส.ค.2566 เวลา 17.30 น. ที่โรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ จะมีวิทยากรร่วมบรรยายจาก 4 แห่ง ได้แก่ Tokyo Stock Exchange , Sumitomo Mitsui Trust Asset Management , Mita Capital (Sinagpore) และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอร่า จำกัด (AIAM) มาร่วมพูดคุยเรื่องการลงทุนในญี่ปุ่นและการลงทุนทั่วโลก

การที่ Tokyo Stock Exchange (TSE) ร่วมเป็นพันธมิตรกับ บล.ไอร่าในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำศักยภาพการของกลุ่ม ไอร่า กรุ๊ป ในการขยายเครือข่ายพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่งเช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ บล.ไอร่ายังประสานกับสถาบันการเงินอื่น ๆ ของญี่ปุ่น ที่มีบริษัทลูกค้าญี่ปุ่นสนใจลงทุนในบริษัทในประเทศไทย ในลักษณะ Direct Investment ซึ่งจะเป็นการเพิ่มนักลงทุนในหุ้นสามัญไทยในช่วงที่บริษัทโดยทั่วไปมีสัดส่วนหนี้สินค่อนข้างสูง

“ที่ผ่านมา บล.ไอร่า ได้ทำ Cross Boarder M&A กับบริษัทญี่ปุ่นมาหลายรายการ ตัวอย่างธุรกิจที่อยู่ในความสนใจ เช่น อาหาร ,การขนส่ง, ไอที, บรรจุภัณฑ์, ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา วิศวกรรมระบบไฟฟ้าและเครื่องกลภายในอาคาร การรักษาความปลอดภัย เป็นต้น”นายไพโรจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตามจากปัจจัยบวกครั้งนี้ จะทำให้ “ไอร่า กรุ๊ป” มีผลิตภัณฑ์และบริการจากต่างประเทศที่หลากหลายมากขึ้น ที่สำคัญสามารถขยายฐานกลุ่มนักลงทุนในต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้มากขึ้นด้วย เนื่องจาก Tokyo Stock Exchange เป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่และเป็นที่รู้จักของกลุ่มนักลงทุนทั่วโลก ดังนั้นเชื่อว่าการผนึกกำลังในครั้งนี้จะช่วยดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าในประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้นด้วย

สำหรับมุมมองตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บล.ไอร่า คาดกรอบดัชนีอยู่ที่ 1,400-1,675 จุด คาด EPS อยู่ที่ 93 บาท ทรงตัวเท่าปีก่อน และฟันด์โฟลว์น่าจะไหลกลับเข้ามาลงทุนหลังมีการจัดตั้งรัฐบาล ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริโภคและการลงทุน โดยทองกลุ่มที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ อุปโคบริโภค