HoonSmart.com>>ในเดือนก.ย.2567 หุ้นไทยพุ่งแรงกว่าต่างประเทศ ดัชนียืนแข็งแกร่งเหนือ 1,400 จุดได้ สร้างความมั่นใจให้กับบริษัทที่รอขาย IPO โดยบริษัทเพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) สามารถขายหุ้นได้ในราคาสูงสุดที่ 2.28 บาท จากช่วงที่กำหนด 2.08-2.28 บาท ซึ่งการเข้ามาซื้อขายใน SET วันแรก (12 ก.ย.) ก็ให้กำไรสูงกว่า 14% แก่ผู้จองซื้อหุ้น”เอสอีไอ เมดิคัล” (SEI) เคาะราคาขายที่ 3.10 บาท คาดให้กำไรได้ในวันเข้าเทรด mai ก.ย.นี้ นักลงทุนที่รอซื้อหุ้น”โอ้กะจู๋” คงจะไม่ผิดหวัง
ตลาดหุ้น IPO เปิดกว้างแล้ว หลังจากดัชนี SET พลิกกลับขึ้นมาสดใสอย่างรวดเร็ว จากในเดือนส.ค.2567 ที่ผ่านมา ลงลึกต่ำกว่า 1,300 จุด ทำให้บริษัทที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) ถอย ไม่กล้าขายหุ้น เพราะนอกจากไม่ได้ราคาขายตามที่ต้องการแล้ว ยังมีโอกาสที่ถูกนักลงทุนเมิน เพราะกลัวขาดทุนจากการเข้าเทรดวันแรก แต่เมื่อดัชนีตีขึ้นเหนือ 1,400 จุดได้ บริษัทที่มีความพร้อมก่อนก็รีบขายหุ้น บริษัทพีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ หรือ PMC ไม่ทำให้ผิดหวัง เปิดเทรดวันแรกที่ 2.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.44 บาท หรือ 24.17% จากราคา IPO 1.82 บาท และปิดที่ 1.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 1.65% ด้วยมูลค่าซื้อขายกว่า 1,487 ล้านบาท แม้ว่าวันที่สองจะปรับตัวลงต่ำกว่าจอง ปิดที่ 1.63 บาท -0.22 บาทหรือ -11.89% แต่จะต้องมองระยะยาว บริษัทสามารถระดมทุน เพื่อนำไปเพิ่มกำลังการผลิต สยายปีกโตก้าวสู่ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติ๊กเกอร์เปล่าในภูมิภาคอาเซียน
บริษัทเพชรศรีวิชัยฯ ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 750 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.28 บาท เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET วันที่ 12 ก.ย.นี้ เปิดที่ราคา 2.60 บาท สูงกว่า IPO ประมาณ 14% และปิดที่ 2.44 บาท บวก 0.16 บาท +7.02% ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,270 ล้านบาท
นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าวว่า นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้น IPO อย่างล้นหลาม สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร พร้อมเดินหน้าขยายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 เท่าตัว จากเดิมมีจำนวน 60 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง เพิ่มเสถียรภาพจัดหาวัตถุดิบน้ำมันปาล์มดิบสำหรับนำเข้าสู่กระบวนการกลั่นต่อไป นอกจากนี้บริษัทจะลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อใช้ในการบริโภคเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 เท่าตัว จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 300 ตันต่อวัน เพื่อรับโอกาสอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีทิศทางขยายตัวทั้งในประเทศและตลาดส่งออก สร้างการเติบโตสู่ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในระดับประเทศ
ด้านผลการดำเนินงานที่ผ่านมามีการเติบโตที่ดี ปี 2564-2566 มีรายได้รวม 28,178.54 ล้านบาท 32,696.15 ล้านบาท 24,722.79 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 847.33 ล้านบาท 214.40 ล้านบาท 330.50 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 12,921.47 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 211.97 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ณ ปี 2566 รายได้หลักของกลุ่มบริษัทฯ มาจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มถึง 98.61% และมีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศ 63.67% และต่างประเทศ 36.33%
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า PCE ถือเป็นหุ้นที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรรายแรกที่เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีโอกาสเติบโตสูงทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อนำไปบริโภคอุปโภค กลุ่มพลังงานทดแทนที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น การใช้โอเลโอเคมิคอลเพื่อเป็นส่วนประกอบในสินค้า เช่น เครื่องสำอาง สบู่ ครีมบำรุงผิว เป็นต้น ตลอดจนอุตสาหกรรมน้ำมันไบโอดีเซล ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ด้านบริษัทเอสอีไอ เมดิคัล (SEI) เตรียมเสนอขายหุ้นจำนวน 50 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาทกำหนดราคาขายที่ 3.10 บาท เปิดจองซื้อ 16 – 18 ก.ย.67 เทรดตลาด mai ภายในเดือน ก.ย.นี้ ระดมทุนเพื่อสร้างโอกาสการขับเคลื่อนทางธุรกิจสู่การยกระดับการให้บริการเครื่องมือและนวัตกรรมทางการแพทย์ให้ครบวงจรในทุกมิติ
สำหรับหุ้น IPO ที่นักลงทุนรอคอย “โอ้กะจู๋’ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทย เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 159 ล้านหุ้น กำหนดวันจัดโรดโชว์นำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 10.30 น. โดยผู้บริหารยกทีมมาให้ข้อมูล “ชลากร เอกชัยพัฒนกุล’ ‘จิรายุทธ ภูวพูนผล’ ‘วรเดช สุชัยบุญศิริ’ ‘เบญญาภา เตชะมณีสถิตย์’ ‘ภวิษย์เพ็ญ เหล่ารัตนไพบูลย์’ พร้อมด้วยผู้บริหารจาก บล. บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายผู้บริหาร มีการแนะนำบริษัทจากจุดเริ่มต้นสวนผักออร์แกนิค ในฝันสู่แบรนด์ร้านอาหารออร์แกนิคที่ครองใจผู้บริโภค พร้อมเผยกลยุทธ์การเติบโตและแผนการขยายธุรกิจ
ด้านตลาดหุ้นวันที่ 12 ก.ย.67 ดัชนีปิดที่ 1,421.58 จุด เพิ่มขึ้น 6.17 จุด หรือ +0.44% มูลค่าซื้อขาย 47,485.39 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 827.23 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 192.69 บาท สถาบันซื้อ 62 ล้านบาท ด้านนักลงทุนไทยขายต่อ 1,082.40 ล้านบาท
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า หุ้นวันนี้ได้อานิสงส์จากหุ้นโลกที่ปรับตัวขึ้นกันเกือบทุกตลาด หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังดีอยู่ ช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้น ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐไม่อ่อนค่าเร็ว และวันนี้เงินดอลลาร์สหรัฐก็กลับมาแข็ง ส่วนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐมองเป็นบวกต่อหุ้นมากกว่าจากสถิติที่ผ่านมาตลาดมักจะปรับตัวขึ้นได้ดี
“หุ้นไทยยังปรับขึ้นได้น้อยกว่าตลาดอื่น เพราะเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งหนุนหุ้นเทคโนโลยี แต่หุ้นไทยไม่ได้ประโยชน์อะไร และนโยบายรัฐที่แถลงวันนี้ตลาดก็รับรู้จากข่าวไปแล้ว รอดูการประชุมครม.ในวันอังคารหน้า (17 ก.ย.) ส่วนคืนนี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และสัปดาห์หน้าติดตามการประชุมเฟด, การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
“เรามองโซนเหนือ 1,409 จุด เป็นโซน Profit taking ก่อน เพราะเงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไป”นายถนอมศักดิ์กล่าว