HoonSmart.com>>เอสอีไอ เมดิคัล (SEI) เคาะราคาเสนอขาย IPO ที่ระดับ 3.10 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 16 – 18 ก.ย.67 เทรดตลาด mai ภายในเดือน ก.ย.นี้ ตอกย้ำผู้นำให้บริการนวัตกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ แบบครบวงจร เล็งระดมทุนสร้างโอกาสการขับเคลื่อนทางธุรกิจสู่การยกระดับการให้บริการเครื่องมือและนวัตกรรมทางการแพทย์ให้ครบวงจรในทุกมิติ พร้อมแต่งตั้ง บล.หยวนต้าฯ เป็น Lead Underwriter ในการเสนอขาย 50 ล้านหุ้น
นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บริษัท เอสอีไอ เมดิคัล เปิดเผยว่า SEI จะเสนอขายหุ้นจำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท สัดส่วน 29.41% ของจำนวนหุ้น โดยกำหนดราคาเสนอขายที่ 3.10 บาทต่อหุ้น จะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อระหว่างวันที่ 16 – 18 ก.ย. 2567 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจอุปโภคบริโภค ภายในเดือน ก.ย. 2567
ทั้งนี้ราคาขายที่ 3.10 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม เมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานย้อนหลัง 4 ไตรมาสที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เห็นได้จากการกลับมาใช้บริการทางการแพทย์ในสถานพยาบาลที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจของ SEI ที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดูแลสุขภาพ อาทิ ธุรกิจความงาม ศูนย์แพทย์เฉพาะทาง และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร เพื่อจำหน่ายให้แก่สถานพยาบาลชั้นนำในประเทศ ทั้งโรงพยาบาลรัฐบาล หน่วยงานราชการ โรงพยาบาลเอกชน คลินิก รวมถึงสถาบันการศึกษาแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์
นายกานต์ ปุญญเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสอีไอ เมดิคัล (SEI) เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ SEI สู่โอกาสสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จำนวน 155 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อขยายและต่อยอดธุรกิจในการเสริมศักยภาพการให้บริการลูกค้าให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงสั่งซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อเพิ่มศักยภาพขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนจะนำเงินไปใช้ในโครงการร่วมลงทุนกับบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจทางการแพทย์ ที่เกี่ยวเนื่องกันกับการดำเนินงานของบริษัทฯ อันอาจรวมถึงคลินิกหรือโรงพยาบาลเฉพาะทาง เพื่อสร้าง Synergy กับผลิตภัณฑ์และความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ที่ช่วยเสริมศักยภาพและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทฯ
ด้วยศักยภาพความเชี่ยวชาญในการเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ที่ยาวนานกว่า 30 ปี รวมถึงการให้บริการติดตั้ง ซ่อมบำรุง ตลอดจนการให้บริการหลังการขาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ทำให้ SEI มีฐานลูกค้าทั่วประเทศจนได้รับความไว้วางใจในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตและได้รับการต่ออายุสัญญาแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่าย (Distributor Agreement) จากผู้ผลิตอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปี ผ่าน 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกช่วงเวลาของชีวิต ประกอบด้วย 1. กลุ่มสินค้าสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิด (Neonatal Care) ซึ่งเป็นกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ดูแลทารกแรกเกิดปกติ และทารกที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะวิกฤตในระยะแรกหลังคลอด 2.กลุ่มสินค้าด้านกล้องส่องตรวจ (Endoscope) เป็นกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในห้องส่องกล้องสำหรับการตรวจทางเดินอาหารทางเดินหายใจและโสตศอนาสิก 3. กลุ่มสินค้าด้านการผ่าตัด (Surgery) เป็นกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในห้องผ่าตัด 4. กลุ่มสินค้าอุปกรณ์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ (Laboratory) เป็นกลุ่มเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ใช้ในการตรวจวิเคราะห์ วัดอนุภาค เก็บรักษาตัวอย่าง และบ่มเพาะเชื้อเพื่อการทำวิจัย และ 5. กลุ่มสินค้าด้านความงาม (Aesthetic) เป็นกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับเสริมความงามทางร่างกาย
ปัจจุบัน “SEI” ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ ภายใต้ตราสินค้าของผู้ผลิตทั้งหมด 18 แบรนด์ จาก 11 ประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้ารัฐบาล อาทิ โรงพยาบาลรัฐ หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษาแพทย์ และอื่นๆ 69.5% และเอกชนอีก 30.5% อาทิ โรงพยาบาลเอกชน คลินิก ลูกค้ารายบุคคล และอื่นๆ ซึ่งการเติบโตดังกล่าว สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ ที่มีคาดว่าในปี 2567 จะขยายตัวต่อเนื่อง
ด้านนายวรวัสส์ วัสสานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อวานการ์ด แคปปิตอล ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจ SEI สามารถตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพการแข่งขัน ที่จะก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้จำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีผลการดำเนินงานและสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนถึงผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2564-2566) บริษัทฯ มีรายได้รวม 378.21 ล้านบาท 322.64 ล้านบาท และ 394.41 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิปี 2564 – 2566 เท่ากับ 16.21 ล้านบาท 17.86 ล้านบาท และ 21.87 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.28%, 5.54% และ 5.55% ของรายได้รวม ตามลำดับ ดังนั้นจึงมองว่าการเข้าจดทะเบียนใน mai ครั้งนี้ จะช่วยให้ SEI มีแหล่งเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น