PMC เปิดเทรดวันแรก 2.26 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 24.18%

HoonSmart.com>>หุ้น PMC เปิดเทรดวันแรก 2.26 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 24.18% บริษัทฯเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์ (Sticker) หรือฉลากกาว (Self-Adhesive Label) รายใหญ่ของประเทศ ราคาเหมาะสม Consensus อยู่ที่ 3.40-4.12 บาท

หุ้น PMC เปิดเทรดวันแรกที่ 2.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.44 บาท หรือ +24.18% จากราคาขาย IPO ที่ 1.82 บาท/หุ้น

บล.โกลเบล็ก ระบุ บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ (PMC) ราคาเหมาะสม Consensus อยู่ที่ 3.40-4.12 บาท PMC เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์ (Sticker) หรือฉลากกาว (Self-Adhesive Label) รายใหญ่ของประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สติ๊กเกอร์กระดาษ สติ๊กเกอร์ฟิล์ม และสติ๊กเกอร์ชนิดพิเศษอื่นๆ ให้กับลูกค้ากลุ่มธุรกิจโรงพิมพ์ฉลากสินค้า (Printers) และผู้ผลิตฉลากสินค้า (Converters) เป็นหลัก

บริษัทมีรายได้ในช่วงปี 64-66 และงวดไตรมาส 1 ปี 2567 เท่ากับ 834 ล้านบาท 874 ล้านบาท 825 ล้านบาท และ 220 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในปี 65 บริษัทมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัท มีการปรับเพิ่มราคาขายสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวขึ้น แม้ว่าปริมาณการขายรวมจะลดลงเล็กน้อย สำหรับปี 2566 และไตรมาส 1 ปี 2567 รายได้ลดลงเนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสติ๊กเกอร์กระดาษ ทำให้ปริมาณการขายสติ๊กเกอร์กระดาษลดลง %GPM เท่ากับ 21.2% 17.9% 17.1% และ 19.9% ตามลำดับ ช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯมีการสั่งซื้อวัตถุดิบในช่วงไตรมาส 3 ปี 2566 ซึ่งราคากระดาษ ราคาฟิล์มพลาสติก และค่าระวางเรือมีการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้ช่วงปี 2564 – 2566 และงวดไตรมาส 1 ปี 2567 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 41.1 ล้านบาท 18 ล้านบาท 17.4 ล้านบาท และ 11.9 ล้านบาท (+1,883%YoY)

จำนวนหุ้น IPO ไม่เกิน 115.715 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น โดยราคา IPO คิดเป็น historical P/E ที่ประมำณ 17.40 เท่า คิดเทียบกับ P/E บริษัทที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน ได้แก่ SFLEX 28.7x, SELIC 21.4x และ SET-Packaging 21.0x วัตถุประสงค์การระดมทุน 1) ขยายธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงการขยายศูนย์กระจายสินค้าในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน เช่น ประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม 2)ลงทุนขยายกำลังการผลิตและชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง 3) ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน 4)เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการจัดซื้อสินค้า และเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ