HoonSmart.com>>ฝายวิเคราะห์บล. CGSI คาดจะมีเงินจากกองทุน Thai ESG ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทและกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง 1.5 แสนล้านบาท ไหลเข้าตลาดหุ้นไตรมาส 4/67 หนุนดัชนี SET เพิ่มขึ้น 5% หรือ 70 จุด รวบรวมรายชื่อ 37 บริษัทแจกปันผลสูงกว่า 3% คะแนน SET ESG Ratings ระดับ ‘AA’ ขึ้นไป เป้าหมายลงทุนวายุภักษ์หนึ่ง ชูหุ้น Top pick AMATA-BBL-BCH-CPALL-CRC-KLINIQ-PTTEP
ฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ตามรายงานข่าว ปลัดกระทรวงการคลังเผยว่ากระทรวงการคลังเตรียมออกหนังสือชี้ชวน เพื่อเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์วันที่ 10 ก.ย. 2567 โดยจะลงทุนในหุ้น big-cap และ mid/small-cap ที่มีคะแนน SET ESG Ratings อยู่ในระดับดี
รวมทั้งให้ข้อมูลว่าการลงทุนในกองทุนฯประกันเงินต้นนี้ จะได้รับเงินปันผลตามอัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริง แต่จะไม่น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำและไม่เกินอัตราผลตอบแทนขั้นสูง ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่าขั้นต่ำน่าจะอยู่ที่ 3% ส่วนขั้นสูงน่าจะอยู่ที่ 9% หรือใกล้เคียงกับเงื่อนไขของกองทุนรวมวายุภักษ์ที่เปิดขายในปี 2566 ขณะที่เชื่อว่ากองทุนฯน่าจะได้รับอนุญาตให้ลงทุนในสินทรัพย์คงที่ ทั้งนี้หน่วยลงทุนจะเข้าซื้อขายใน SET ช่วงกลางเดือนต.ค.2567
กองทุนรวมวายุภักษ์น่าจะประกันผลตอบแทนขั้นต่ำอยู่ที่ 3% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีในขณะนี้อยู่ที่เพียง 2.55% จึงเชื่อว่ากองทุนฯจะไม่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากนัก และนำเงินทุนส่วนใหญ่ไปลงทุนในหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและมีคะแนน ESG ดีใน SET
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ได้รวบรวมรายชื่อหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 3% และมีคะแนน SET ESG Ratings ตั้งแต่ ระดับ ‘AA’ ขึ้นไป มี 37 หุ้น ประกอบด้วย SAT, SIRI, SCB, ORI, SPALI, TISCO, AP, MC, OSP, PTTEP, TTW, TOP, WHAUP, PTT, SABINA, EGCO, TTB, BCP, RATCH, BBL, MAJOR, STGT, STA, KTB, IVL, KBANK, ZEN, WICE, HMPRO, BCPG, TVO, INTUCH, SGP, WHA, ADVANC, OR และ TTA
ฝ่ายวิเคราะห์ฯเชื่อว่า การกำหนดอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำจะทำให้กองทุนรวมวายุภักษ์สามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้น และเนื่องจากคนไทยสามารถนำเงินลงทุนในกองทุน Thai ESG มาหักลดหย่อนภาษี จึงคาดว่ากองทุน Thai ESG จะมีเงินทุนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 4/67 ดังนั้นเมื่อรวมกับกองทุนรวมวายุภักษ์มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท จึงประมาณการว่าตลาดหุ้นไทยอาจมีเงินทุนไหลเข้าราว 1.7 แสนล้านบาทในไตรมาส 4/67
แม้ว่าขนาดของกองทุนรวมวายุภักษ์และกองทุน Thai ESG รวมกันน่าจะมีสัดส่วนราว 1% ของมาร์เก็ตแคปในปัจจุบัน แต่เชื่อว่าข่าวนี้น่าจะช่วยสร้างความตื่นเต้นได้ในระดับหนึ่ง เพราะไม่มีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นข่าวนี้จึงอาจช่วยหนุนให้ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นประมาณ 5% หรือ 70 จุดในไตรมาส 4/2567 ซึ่งจะทำให้ performance ของตลาดหุ้นไทยในรูปของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ในระดับเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ตั้งเป้าดัชนี SET สิ้นปีนี้ที่ 1,420 จุด แม้ว่าตลาดหุ้นไทยอาจปรับตัวขึ้นสูงกว่าเป้าหมายของฝ่ายวิเคราะห์ฯ แต่อาจมีความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งอาจส่งผลต่อ sentiment ตลาดได้ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงยังเน้นหุ้น Domestic play และหุ้น Laggard ที่มีคะแนน ESG สูง
ส่วนหุ้น Top pick ได้แก่ AMATA มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.9%, คะแนน SET ESG Rating อยู่ในระดับ AAA, BBL 4.9% เรทติ้ง AA, BCH 2.1% เรทติ้ง AA, CBG 1.3% n/a , CPALL 1.6% เรทติ้ง AAA, CRC 1.8% เรทติ้ง AAA, KLINIQ 3.6%, n/a และ PTTEP 6.8% เรทติ้ง AAA