ดาวโจนส์ปิดลบ 150 จุด จ้างงานต่ำกว่าคาด ผิดหวังยอดขาย Apple

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 150 จุด -0.43%, S&P 500 -0.53% , Nasdaq -0.36% หลังรายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ต่ำกว่าคาด นักลงทุนบางส่วนเทขายทำกำไร ผิดหวังผลประกอบการ หุ้น Apple ร่วง 4.8% ยอดขายลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ราคาน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 4 สิงหาคม 2566 ที่ 35,065.62 จุด ลดลง 150.27 จุด หรือ 0.43% นักลงทุนบางส่วนเทขายทำกำไรหลังการรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังและข้อมูลการจ้างงาน

ทั้งดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดย

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,478.03 จุด ลดลง 23.86 จุด หรือ -0.53%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,909.24 จุด ลดลง 50.48 จุด หรือ -0.36%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.1% ส่วนดัชนี S&P500 ลดลง 2.3% และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.9% เป็นปรับตัวลงรายสัปดาห์นี้มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม

ตลาดปรับตัวขึ้นในช่วงเช้า หลังข้อมูลการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยกระทรวงแรงงานรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่า 200,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์ ส่วนอัตราการว่างงานอ่อนตัวลงมาที่ 3.5% จาก 3.6% ซึ่งต่ำกว่า 3.6% ที่นักวิเคราะห์คาด แต่ค่าจ้างรายชั่วโมงบ่งชี้ว่ายังจะมีเงินเฟ้อและสูงกว่าที่คาดโดยเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 4.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่า 0.3% เมื่อเทียบรายเดือนและ 4.2% เมื่อเทียบรายปีที่นักวิเคราะห์คาด

นักลงทุนใช้ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพื่อประเมินวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) โดย 88% คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปเดือนกันยายน

ตลาดอ่อนตัวลงในช่วงซื้อขายรอบบ่ายหลังผิดหวังผลประกอบการ หุ้นแอปเปิ้ลลด 4.8% เป็นการลดลงภายในวันเดียวมากที่สุด นับตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2022 และดึงดัชนี S&P500 ลงราว 16 จุด หลังรายงานยอดขายลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และคาดว่ายอดขายจะลดลงอีก

หุ้นแอมะซอนเพิ่มขึ้น 8.3% ไปที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งปี หลังรายงานผลกำไรสูงกว่าคาด และคาดการณ์แนวโน้มเชิงบวก

อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมที่กำหนดเผยแพร่ในสัปดาห์หน้า ซึ่ง เดวิด เคลลี ประธานเจ้าหน้าที่โกลบอลมาร์เก็ต จาก J.P. Morgan Asset Management กล่าวว่า รายงาน CPI เดือนกรกฎาคมและสิงหาคมน่าจะมีความสำคัญมากกว่าในการพิจารณาว่า เฟดมองว่าจำเป็นต้องปรับขึ้นอีกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยังมีแนวโน้มว่าปี 2024 จะเป็นปีแห่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับปานกลาง หากเศรษฐกิจสามารถเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ และจะปรับลดเร็วขึ้นหากการปรับลดระดับปานกลางจมไปกับภาวะถดถอย
      
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังจากมีการเทขยายติดต่อกัน 3 วัน เนื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาด และข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐสะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยลดความกังวลต่อเศรษฐกิจยูโรโซนที่ชะลอตัว

ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นและอัตราการว่างงานสหรัฐที่ลดลงบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังตึงตัว

นักวิเคราะห์มองว่าข้อมูลการจ้างงานทำให้มีความคาดหวังมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐจะยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้เพราะเศรษฐกิจสหรัฐเพียงแค่ soft landing
      
หุ้นรายตัวมีทิศทางที่ต่างกันหลังการรายงานผลประกอบที่มีทั้งเชิงบวกและอ่อนกว่าคาด โดยหุ้น Credit Agricole ธนาคารในฝรั่งเศสบวก 6.1% จากกำไรที่ดีกว่าคาดด้วยแรงหนุนของธุรกิจประกันและสินเชื่อผู้บริโภค

หุ้นMonte dei Paschi di Siena ธนาคารรัฐในอิตาลีเพิ่มขึ้น 2.8% จากกำไรไตรมาสสสองดีกว่าคาด

หุ้น Commerzbank ธนาคารใหญ่ในเยอรมนีลดลง 2.6% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ต้นทุนและลดรายได้จากค่าคอมมิชชั่น

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 459.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.35 จุด, +0.29%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,564.37 จุด เพิ่มขึ้น 35.21 จุด, +0.47
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,315.07 จุด เพิ่มขึ้น 54.54 จุด, +0.75%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,951.86 จุด เพิ่มขึ้น 58.48 จุด, +0.37%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 82.82ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 86.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล