คปภ. ลงพื้นที่ช่วยเหลือกรณี “รถกระบะชนรถไฟ” เสียชีวิต 8 ราย ที่จ.ฉะเชิงเทรา

HoonSmart.com>>คปภ. จังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าตรวจสอบการทำประกันภัยพร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วน รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 1ฒฆ 5942 กรุงเทพมหานคร เฉี่ยวชนกับรถไฟบริเวณทางรถไฟ หมู่ 6 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 4 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 นั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 6 (ชลบุรี) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดฉะเชิงเทรา ตรวจสอบการทำประกันภัยพร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วน รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดฉะเชิงเทรา  ว่า รถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 1ฒฆ 5942 กรุงเทพมหานคร ได้ทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท เทเวศประกันภัย  เริ่มคุ้มครองวันที่ 27 มกราคม 2566 สิ้นสุดคุ้มครองวันที่ 27 มกราคม 2567 โดยคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน

นอกจากนี้ รถยนต์กระบะคันดังกล่าวทำประกันภัยภาคสมัครใจ ประเภท 1 ไว้กับ บริษัท เทเวศประกันภัย  เริ่มคุ้มครองวันที่ 27 มกราคม 2566 สิ้นสุดคุ้มครองวันที่ 27 มกราคม 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก จำนวน 1,000,000 บาทต่อคน วงเงินไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง ความรับผิดต่อทรัพย์สิน 1,000,000 บาทต่อครั้ง ความคุ้มครองรถยนต์คันเอาประกันภัย 170,000 บาทต่อครั้ง และให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพของผู้ขับขี่จำนวน 100,000 บาท ผู้โดยสาร 100,000 บาทต่อคน (2 คน) และค่ารักษาพยาบาล จำนวน 100,000 บาทต่อคน

สำหรับการติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เบื้องต้นในกรณีที่รถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 1ฒฆ-5942 กรุงเทพมหานคร (ถ้าเป็นฝ่ายผิด) ทายาทโดยธรรมของผู้โดยสารรถยนต์กระบะที่เสียชีวิตทั้ง 8 ราย จะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละ 1,525,000 บาท จากการทำประกันภัย พ.ร.บ. รายละ 500,000 บาท จากการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 1 รายละ 1,000,000 บาท และจากค่าสินไหมทดแทนความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ จำนวน 200,000 บาท โดยเฉลี่ยจ่ายทั้ง 8 ราย รายละ 25,000 บาท 

ทั้งนี้ จากการติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตอย่างใกล้ชิด จึงทราบว่าญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 8 ราย ได้นำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ดังนั้น สำนักงาน คปภ. ภาค 6 (ชลบุรี) จึงได้สั่งการไปยัง สำนักงาน คปภ. จังหวัดสมุทรปราการ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 8 รายอย่างใกล้ชิดต่อไป

สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย สำนักงาน คปภ.จังหวัดฉะเชิงเทราได้ประสานไปยัง โรงพยาบาลพุทธโสธรเพื่อรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลตามความคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ผลของคดีการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อพิสูจน์ทราบต่อไป

“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ และสำนักงาน คปภ. พร้อมจะดูแลในด้านประกันภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและกับทุกคน และเพื่อความอุ่นใจ ควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย โดยเฉพาะการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) การประกันภัยรถภาคสมัครใจ และการประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัย ติดต่อสายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย