เงินเฟ้อส.ค.เพิ่ม 0.35% ต่ำกว่าตลาดคาด แนวโน้มก.ย.สูงขึ้นหลังน้ำท่วมดันราคาผัก ผลไม้

HoonSmart.com>> กระทรวงพาณิชย์ เผยเงินเฟ้อทั่วไปเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 0.35% (YoY) ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 0.40% ชะลอตัวลงจากเดือนก.ค. ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.62% หลังสินค้ากลุ่มพลังงาน (แก๊สโซฮอล์ ค่ากระแสไฟฟ้า) ราคาปรับลดลง ส่วนแนวโน้มก.ย.ยังเพิ่มขึ้น ผลกระทบน้ำท่วม ราคาผักสดและผลไม้สดปรับตัวสูงขึ้น ส่วนแจกดิจิทัล วอลเล็ต เป็นเงินสดไม่กระทบราคาสินค้า ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ พร้อมคงเป้าปีนี้ในกรอบ 0-1% ค่ากลางที่ 0.5%

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือนสิงหาคม 2567 เท่ากับ 108.79 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2566 ซึ่งเท่ากับ 108.41 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นในอัตราชะลอตัวที่ 0.35% YoY ต่ำกว่าคาดที่ 0.4% YoY และชะลอจากเดือนก่อนที่ +0.83% YoY ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน +0.62% YoYสูงกว่าคาดที่ +0.55% YoY และเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.52% YoY

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อมาจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะผักสดและผลไม้สด เนื่องจากสถานการณ์ฝนตกหนักและอุทกภัยในบางพื้นที่เพาะปลูก ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง รวมถึงข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว และอาหารสำเร็จรูป อาทิ กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวราดแกง และอาหารตามสั่ง ราคาปรับสูงขึ้นเช่นกัน ขณะที่สินค้ากลุ่มพลังงาน (แก๊สโซฮอล์ ค่ากระแสไฟฟ้า) ราคาปรับลดลง สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกันยายน 2567 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่

1 ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
2 ผลกระทบจากอุทกภัยทำให้ราคาผักสดและผลไม้สดปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากแหล่งเพาะปลูกในบางพื้นที่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น
3 สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจจะส่งผลกระทบให้เกิดความไม่แน่นอนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญ รวมถึงต้นทุนค่าขนส่งทางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้น

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง ได้แก่

1 ค่ากระแสไฟฟ้าภาคครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าตามมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ
2 ฐานราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบดูไบในปัจจุบันมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ หรืออาจจะลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะขยายตัวระดับต่ำ
3 การลดราคาสินค้าและการแข่งขันในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกในประเทศ และการค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ทำให้สินค้าจำนวนมากปรับลดราคาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนเงินเฟ้อไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5% สาเหตุจากราคาน้ำมันเป็นหลัก เพราะช่วงเดียวกันของปีก่อน รัฐบาลตรึงดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ขณะนี้ 33 บาทต่อลิตร ที่จะส่งผลชัดเจน ขณะที่การแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต กลุ่มเปราะบางเป็นเงินสด ไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าและเงินเฟ้อ แต่จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อมากกว่า

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่าง 0.0 – 1.0% (ค่ากลาง 0.5%) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง

สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5% อยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดไว้ 1-3%