HoonSmart.com>>3 องค์กร แนะประชาชนก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ให้ดูความพร้อม อะไหล่ ศูนย์ซ่อม ช่าง ของรถยนต์แต่ละยี่ห้อ เพราะอาจเจอปัญหารอคิวซ่อมนาน เรียกค่าขาดประโยชน์ได้ ด้านภาคเอกชนขอชดใช้รถใหม่กรณีเสียหายทั้งคันแทนเงินสด พร้อมทำความเข้าใจเหตุรถรอซ่อมนาน
ในเวทีเสวนาหัวข้อ “รถยนต์ไฟฟ้าและประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า โอกาสและความท้าทาย เพื่อก้าวสู่จุดหมายร่วมกัน” จัดโดยสมาคมประกันวินาศภัยไทย ที่มีตัวแทนจากสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) บริษัทประกันวินาศภัย ทั้ง 3 หน่วยงาน แนะนำประชาชนที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV ให้ศึกษาความพร้อมของรถยนต์แต่ละยี่ห้อ ต้องมีอะไหล่ ศูนย์ซ่อม ช่างซ่อม ที่เพียงพอในการให้บริการได้อย่างรวดเร็ว จากปัจจุบันมีปัญหารอคิวซ่อมหลายเดือน ทำให้เกิดความเดือดร้อน และสามารถที่จะเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากบริษัทประกันภัยและผู้ละเมิดได้
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปัญหาดังกล่าวจะดีขึ้น หลังจากที่มีการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ และ โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทย ที่จะเริ่มมีสินค้าออกสู่ตลาดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
นายสุโรจน์ แสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า กล่าวว่า ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV บางยี่ห้อยังมีปัญหาเรื่องอะไหล่ไม่เพียงพอ ศูนย์ซ่อมรถยนต์รองรับลูกค้าได้น้อย รวมทั้งช่างยังมีจำนวนจำกัด ฉะนั้นลูกค้าที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าให้ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ส่วนจะเลือกแบบไหน สามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า โดยมองว่าราคารถไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับการประหยัดน้ำมันที่จะได้มา และในอนาคตราคารถน่าจะลดลงได้อีกหลังจากที่มีการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาที่ไทย จะทำให้เกิดการผลิตรถ อะไหล่ รวมถึงแบตเตอรี่ที่ไทย ซึ่งมีข่าวดีว่าปัจจุบันไทยสามารถพบแหล่งแร่ลิเธียมหลายจุด จะทำให้ต้นทุนของการผลิตแบตเตอรี่ลดลงในอนาคต
“เราพยายามที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าว่าอย่ากลัว ที่ว่ารถลุยน้ำไม่ได้ รถที่ใช้น้ำมันก็ลุยน้ำลึกไม่ได้เหมือนกัน แต่ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี โดยจีนมีรถไฟฟ้าประมาณ 40% แต่ของไทย ทางรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 30% ในปี 2030 ขณะนี้อยู่ประมาณ 13-14% เท่านั้น และประเทศไทยมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 80% ของรถยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน จากการที่ราคาน้ำมันแพง การที่จะมีโรงงานผลิตรถไฟฟ้าเกิดขึ้นในไทย จะทำให้คนไทยมีงานทำเพิ่มขึ้น และรถยนต์ที่ใช้น้ำมันก็ยังมีสัดส่วนมากถึง 70%”นายสุโรจน์ กล่าว
ซ่อมนานเรียกค่าขาดประโยชน์จากผู้ละเมิด
นายวาสิต ล่ำซำ ประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า จากการที่มีการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้ามา 2 ปี คำถามที่พบบ่อยคือ เบี้ยประกันแพง ขอยืนยันว่าเบี้ยประกันภัยเป็นราคาที่สมเหตุสมผลกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะราคาซ่อมยังสูง ค่าอะไหล่ยังแพง แต่ต่อไปหลังจากแบรนด์รถไฟฟ้า 7 ยี่ห้อ เริ่มีการผลิตรถ ผลิตอะไหล่ในไทยแล้ว และจำนวนช่างจะมีเพิ่มมากขึ้น น่าจะทำให้ต้นทุนอะไหล่ในอนาคตลดลงจากปัจจุบัน ที่อะไหล่บางยี่ห้อสูงกว่ารถที่ใช้น้ำมันตั้งแต่ 20% ถึง 400% โดยชิ้นส่วนที่แพงคือชิ้นส่วนที่ใช้บ่อย
“ทุกวันนี้ แบตเตอรี่เพียงแค่ขูดขีด หรือ เกยฟุตบาท พอนำเข้าศูนย์ซ่อม ถูกเปลี่ยนทั้งลูกเลย ไม่สามารถซ่อมได้ อาจเพราะกลัวความไม่ปลอดภัย ซึ่งแบตเตอรี่ที่ถูกใช้งานมาแล้ว 3 ปี ยังมีราคาที่สูงถึง 1 แสนบาท ก็หวังว่าจะดีขึ้นในอนาคต”นายวาสิต กล่าว
นายวาสิต กล่าวว่า อีกปัญหาที่พบในปัจจุบันคือ ลูกค้ารอซ่อมรถนานมากร่วม 3 เดือน เหตุผลมาจากการรออะไหล่ที่ส่งมาจากต่างประเทศ หรือได้มาแล้วช่างไม่พอ และ ศูนย์ซ่อมรถยนต์ไม่มีพื้นที่รองรับที่เพียงพอ ต้องรอต่อคิวเพื่อนำรถเข้าไปจอด ทำให้ลูกค้าเสียประโยชน์ ซึ่งกรณีนี้ลูกค้าสามารถเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากบริษัทประกันภัยของคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด
“เป็นเรื่องที่บริษัทประกันภัย จะต้องตกลงกับลูกค้าให้ชัดเจนก่อนว่า รถแต่ละยี่ห้อมีการใช้เวลาในการซ่อมนานแค่ไหน เพราะเหตุอะไร หากอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทประกันภัย จะสามารถเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ได้ตอนไหน ซึ่งค่าขาดประโยชน์ของรถยนต์ไฟฟ้า จะเท่ากับรถใช้น้ำมันคือวันละ 500 บาท และจ่ายได้มากสูงสุดกี่วันนั้นขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ที่กำหนดไว้”นายวาสิต กล่าว
นายวาสิต กล่าวว่า นอกจากนี้ กรณีรถเสียหาย 100% ทางภาคเอกชนอยากจะขอชดใช้เป็นรถใหม่แทน เพราะราคารถใหม่ในปัจจุบัน ในยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกันแทนจ่ายเป็นเงินสด มีราคาขายที่ถูกลงมาก ซึ่งกฎหมายของ คปภ.ก็เปิดไว้ให้ทำได้อยู่แล้ว คือ การจ่ายสินไหม สามารถทำได้ด้วยการชดใช้เป็นรถที่มีสภาพไม่ต่างจาก ณ วันที่รถเสียหายทั้งคัน และจ่ายเป็นเงินสด
“ที่จะเสนอชดใช้เป็นรถคันใหม่แทน เพราะมีกรณีการเคลมไม่ปกติเกิดขึ้น หลังจากที่ราคารถมีราคาตลาดที่ลดลงมากจากราคาที่ซื้อ มีลูกค้าทำให้รถเสียหายทั้งคันแล้วมาเคลมทั้งคัน การชดใช้ด้วยรถคันใหม่จะป้องกันไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวซ้ำ และจากการที่ราคาตลาดลดลง บริษัทไม่สามารถลดทุนประกัน และไม่สามารถลดเบี้ยประกันได้ เพราะค่าซ่อมและค่าอะไหล่ยังสูงอยู่ไม่ได้ลดตาม”นายวาสิต กล่าว
ประกันต้องรู้ลึกก่อนรับลูกค้า
นายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการ ด้านการกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยไทย(คปภ.) กล่าวว่า การที่บริษัทประกันภัยไม่สามารถควบคุมอะไหล่ที่มีไม่เพียงพอต้องรอนาน และช่างไม่มี ศูนย์ซ่อมไม่พอ ทำให้มีการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ของลูกค้า ทางบริษัทประกันภัยจะต้องมีความรู้ให้รอบด้าน ต้องเข้าใจว่ารถยี่ห้อไหน มีปัญหาอย่างไร เพื่อวางแผนการบริหารความเสี่ยงในการรับประกันภัยตั้งแต่ต้น สามารถกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยที่สะท้อนความเสี่ยงได้ครอบคลุม บริษัทจะได้มีความแข็งแกร่งในระยะยาว ขณะเดียวกัน ต้องให้ความรู้และทำความเข้าใจ ตกลง กับลูกค้าตั้งแต่แรกให้เข้าใจตรงกัน
“ก่อนจะรับประกันรถยนต์ยี่ห้อใด ต้องศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ครบก่อน ต้องคุยกับผู้นำเข้า ว่ามีความพร้อมเรื่องอะไหล่ การซ่อม ทำให้สามารถซ่อมได้เร็ว ไม่ต้องรออะไหล่นาน และทำการตกลงกับลูกค้าให้เข้าใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าซ่อมช้าจะทำให้การจ่ายค่าขาดประโยชน์สูงตามไปด้วย”นายอาภากร กล่าว