ดาวโจนส์ปิดลบ 348 จุด ฟิทช์ เรทติ้งส์ลดอันดับเครดิต

HoonSmart.com>> “ตลาดหุ้นสหรัฐฯ” ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลบ 348 จุด -0.98% , ดัชนี S&P500 -1.38% , Nasdaq -2.17% หลังฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลง นักลงทุนเทขายเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.88 ดอลลาร์ หลุดระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ที่ 35,282.52 จุด ลดลง 348.16 จุด หรือ 0.98% หลังฟิทช์ เรทติ้งส์(Fitch Ratings)ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลง ทำให้นักลงทุนเทขายเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,513.39 จุด ลดลง 63.34 จุด, -1.38%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,973.45 จุด ลดลง 310.47 จุด, -2.17%

ฟิทช์ เรทติ้งส์(Fitch Ratings)ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ(Foreign Currency Long-Term Issuer Default Rating-IDR ) ของสหรัฐเป็น ‘AA+’ จาก ‘AAA’ โดยมุมมองที่มีเสถียรภาพ(Stable Outlook) จากเดิมที่มีเครดิตพินิจเป็นลบ(Rating Watch Negative) และคงระดับเพดานอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ (Country Ceiling) ไว้ที่ ‘AAA’

การปรับลดเรทติ้งเป็นจากการคาดการณ์ว่าสถานะการคลังจะถดถอยในช่วง 3 ปีข้างหน้า และภาระหนี้สินสูงขึ้น

สหรัฐถูกปรับลดความน่าเชื่อถือจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือหลักครั้งหลังสุดในปี 2011 โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส ปรับลดมาที่ AA+ จาก AAA

โมนา มาฮาจาน นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส จาก Edward Jones กล่าวว่า นักลงทุนอาจใช้การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฟิทช์ เป็นเหตุผลในการทำกำไร แต่ก็มองว่าอาจจะเป็นปกติของวงจรตลาด หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง และผันผวนน้อย แต่ก็ไม่มีผลต่อมุมมองด้านปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจหรือตลาด

เศรษฐกิจในภาพรวมยังมัสัญญานแข็งแกร่ง และสถานการณ์ดูต่างออกไปจากครั้งที่สุดท้ายที่สหรัฐถูกปรับลดอันดับเครดิต

เจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน กล่าวว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจากฟิทช์ไม่ได้เป็นประเด็นมากนัก เพราะไม่ใช่สถาบันจัดอันดับที่กำหนดต้นทุนการกู้ยืม แต่เพียงแค่ชี้ประเด็นซึ่งทุกคนก็รู้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามน่าเกลียดมาที่เรทติ้งประเทศอื่นๆสูงกว่าสหรัฐ

การเทขายเมื่อวานนี้สวนทางพุธสวนทางกับแนวโน้มขาขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาซึ่งได้แรงหนุนจากหุ้น growth stock โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน

หุ้นแอมะซอน หุ้นอัลฟาเบท หุ้นไมโครซอฟต์ ต่างลดลงกว่า 2% หุ้น Nvidia ลดลง 5%
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลง โดย หุ้น JD.com หุ้น ไป่ตู้ พากันร่วงกว่า 4% และหุ้นอาลีบาบาลลง 5% หลังจาก CAC หน่วยงานกำกับดูแล
ด้านไซเบอร์ของจีนประกาศ เตรียมออกกฎจำกัดการใช้โทรศัพท์มือถือไว้เพียง 2 ชั่วโมงต่อวันสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีใช้เพื่อป้องกันการเสพติดมือถือของเยาวชน

ตลาดยังเกาะติดการรายงานผลประกอบการชุดใหม่ โดยหุ้น CVS Health เพิ่มขึ้น 3.3% จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งเนื่องจากลดต้นทุน ขณะที่ หุ้น Humana บวก 5.6% หลังรายงานค่ารักษาพยาบาลที่ต่ำกว่าคาด หุ้น AMD ร่วง 7% จากการคาดการณ์ที่น่าผิดหวังเมื่อวันก่อน ฉุดหุ้นชิปตัวอื่นร่วงลง

การรายงานผลการดำเนินงานผ่านมากว่าครึ่งทางแล้วและยังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ จากข้อมูล FactSet ประมาณ 82% ของบริษัทใน S&P 500 ที่รายงานมาแล้ว มีผลประกอบการในเชิงบวกเกินคาด

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อวานนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) รายงานว่า การจ้างงานของภาคเอกชนเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 324,000 ตำแหน่ง สูงกว่า 175,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาด

นักลงทุนยังรอการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ในวันพฤหัสบดี รวมทั้งการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมในวันศุกร์ที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งและคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.6%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบที่ระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ จากแรงขายทั่วทั้งตลาด เพราะนักลงทุนเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง หลังฟิทช์ เรทติ้งส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลง อย่างไม่คาดคิด

การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐกระทบตลาดหุ้นทั่วโลกและทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอ่อนตัวลง เพราะนักลงทุนหันไปพันธบัตรรัฐบาลอื่นที่ปลอดภัย

ไมเคิล ฮิวสัน หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ CMC Markets กล่าวว่า การปรับลดอันดับดูเหมือนจะกระตุ้นให้มีการเทขายทำกำไรต่อเนื่องจากวันก่อน ด้วยความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง และแนวโน้มผลประกอบการ

หุ้น Telefonica Deutschland ลดลง 17.9%ไปที่ระดับต่ำวุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม หลัง Vodafone บริษัทคู่แข่งประกาศข้อตกลงโรมมิ่งกับ 1&1 ในเยอรมนี
หุ้น Siemens Healthineers บริษัทผลิตอุปกรณ์การแพทย์ของสหรัฐ-เยอรมนี ลดลง 5.6% หลังรายงานกำไรจากการดำเนินงานรายไตรมาสต่ำกว่าคาด

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 460.84 จุด ลดลง 6.32 จุด, -1.35%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,561.63 จุด ลดลง 104.64 จุด, -1.36%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,312.84 จุด ลดลง 93.24 จุด, -1.26%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,020.02 จุด ลดลง 220.38 จุด, -1.36%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.88 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 79.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 83.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล