HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดบวก 0.89 จุด สวนทาง’หุ้นต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบ ทองคำ บิทคอยน์’ ดิ่ง กังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยรบกวนโลกอีกครั้ง ไทยได้ครม.ใหม่ แถลงนโยบาย 11 ก.ย.นี้ คาดหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ กกร.เพิ่มเป้าส่งออกปีนี้โต 1.5-2.5% ห่วงน้ำท่วมรอบแรกเสียหาย 6-8 พันล้านบาท นักวิเคราะห์มองแนวต้าน 1,370-1,375 ผ่านยาก แนะซื้อหุ้น Domestic plays แบงก์โดดเด่น ค้าปลีก CPALL-CPAXT
วันที่ 4 ก.ย. 2567 ราคาสินทรัพย์โลกร่วงระนาว นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 แห่ง โดยเฉพาะ NASDAQ ทรุด -3.26% ฉุดตลาดหุ้นยุโรปและเอเชีย ญี่ปุ่นหนักที่สุด -4.24% รวมถึงราคาทองคำล่วงหน้า กดราคาขายในประเทศ รูดลงบาทละ 300 บาท ราคาน้ำมันดิบและบิทคอยน์ลงแรง ส่วนหุ้นไทยเปิดซื้อขายถูกถล่มลงไป -9.29 จุด หลังจากนั้นมีแรงซื้อกลับ ผลักดันดัชนีขึ้นไปปิดที่ 1,365.49 จุด บวก 0.89 จุดหรือ +0.07% แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 39,035.36 ล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยบวกได้เล็กน้อย เกิดจากนักลงทุนแต่ละกลุ่มสงวนท่าที สถาบันไทย-นักลงทุนไทยช่วยกันซื้อกลุ่มละประมาณ 550 ล้านบาท เน้นหุ้นขนาดใหญ่ ไฟฟ้า,โรงพยาบาล และ SCC ขณะที่ขายหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA และ PTTEP ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันลดลงมาก ส่วนต่างชาติขาย 567.65 ล้านบาทใกล้เคียงกับพอร์ตบล.ขาย 632 ล้านบาท ภายหลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แล้ว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า หลังจากที่ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว คาดจะแถลงนโยบายวันที่ 11 ก.ย.นี้ จะเปิดประชุม ครม. เพื่อลงมือทำงานทันที
ด้านนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) แสดงความเห็นว่า การจัดตั้งรัฐมนตรีใหม่ได้อย่างรวดเร็วถือเป็นสัญญาณบวก แม้จะเป็นรัฐบาลจากหลายพรรค แต่ก็มีเอกภาพ และเชื่อว่าจะทำงานเป็นทีมร่วมกันได้ โดยเริ่มเห็นพัฒนาการทางบวกในตลาดเงินตลาดทุน เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่น่าจะขับเคลื่อนต่อไปได้ดี ส่วนปัญหาเศรษฐกิจที่ควรเร่งแก้ไข เช่น การเร่งส่งผ่านเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว พุ่งเป้าไปยังกลุ่มเปราะบาง สร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่ดีได้อย่างรวดเร็ว
ล่าสุดกกร.เพิ่มเป้าส่งออกปีนี้โต 1.5-2.5% จากเดิม 0.8-1.5% หลังส่งออกเดือนก.ค.โตถึง 15.2% จากแรงหนุนของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลก และกกร.ได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์น้ำ และน้ำท่วมในภาคเหนือ และภาคกลางตอนบน คาดว่ามูลค่าความเสียหาย ในช่วงเดือนส.ค.ถึงต้นเดือนก.ย. จะอยู่ที่ราว 6-8 พันล้านบาท หรือ 0.03-0.04% ของจีดีพี ซึ่งภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด ต้องติดตามพายุที่อาจจะเข้าได้ช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.ม ถือเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติม
สำหรับมุมมองของนักวิเคราะห์ต่อครม.ใหม่ นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลใหม่ แต่ก็ต้องรอดูว่าจะเดินหน้าตามทิศทางนโยบายเดิมได้แค่ไหน ช่วงสั้นแนะ”ซื้อเก็งกำไร”หากดัชนีไม่หลุด 1,354-1,350 จุด เป็นการสร้างฐานเพื่อขึ้นต่อไปได้ ตอนนี้ติดแนวต้านใหญ่ที่ 1,370-1,375 จุด ตลาดพักบ้างหลังขึ้นไปราว 100 จุด แต่หากทะลุได้ก็จะมีแนวต้านหลักที่ 1,395 จุด
“ตอนนี้หุ้นไทยมีความหวังมากขึ้น วันนี้ปรับขึ้นได้บ้างในบางช่วง เทียบกับตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลงแรง ถ้าเราใช้นโยบายกระตุ้นได้เร็วและแรง ซึ่งมีเงินอยู่แล้วจากงบประมาณ โดย Digital Wallet มาก่อน ก่อนหน้านี้ตลาดบ้านเราปรับตัวลงไปมาก ตอนนี้ปัจจัยในประเทศมีสัญญาณที่ดีกว่าต่างประเทศ ก่อนนี้ไม่ขึ้นเลย ขณะที่คนอื่นขึ้นไปกันเยอะ เพราะฉะนั้นก็ไม่คาดหวังจะปรับตัวลงตามคนอื่น อีกทั้งเรามีการเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนวายุภักษ์หนึ่ง ตอนนี้รอซื้ออยู่ ถ้าหุ้นลงมากกว่าความเป็นจริง วายุภักษ์ก็พร้อมเข้าลงทุน”
นอกจากนี้ กกร.ได้ปรับเป้าส่งออกปีนี้ขึ้นเป็น 1.5-2.5% หนุนหุ้นส่งออกมีจังหวะในการปรับขึ้นได้บ้างระหว่างทาง แต่การปรับเป้าส่งออกขึ้นครั้งนี้ มองเป็นเพราะฐานต่ำอยู่แล้ว และจะมีเงินจากภาครัฐเข้ามามาก ดังนั้นหุ้นที่น่าสนใจมองเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคาร ที่มี Valuation ต่ำไปเทรดต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี P/BVแค่ 0.5-0.7 เท่า และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้น ความกังวล NPL ก็หายไป
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยพึ่งพิงการส่งออก ดังนั้นเมื่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ย่อมทำให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสชะลอต้วไปด้วย เพียงแต่หลังจากไทยได้รัฐบาลใหม่ มีความคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งอาจเริ่มที่ Digital Wallet ก่อน และยังมีงบประมาณรายจ่ายที่พร้อมจะนำออกมาใช้กระตุ้นระยะสั้น
“เมื่อการส่งออกชะลอตัวมากกว่าการบริโภคที่เพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เห็นเศรษฐกิจไทยยังชะลอต้วตามต่างประเทศ ช่วงสั้นกลุ่ม Domestic plays จะน่าสนใจลงทุน ขณะที่กลุ่มส่งออก และพวก Global plays จะไม่ดีเท่าไร แม้กกร.จะปรับgrbj,ส่งออกขึ้น มองเป็นเรื่องปกติ เพราะของเดิมต่ำไป และ 6 เดือนแรกของปีนี้เงินบาทอ่อนเร็วมาก ทำให้การส่งออกสูง แต่ครึ่งปีหลังเริ่มเห็นเงินบาทแข็งค่าขึ้นในไตรมาส 3 แข็งมา 2 บาทกว่าแล้ว ก็จะไม่ดีต่อการส่งออก”
นายเบญจพล เชียร์หุ้นในกลุ่ม Domestic plays แนะนำ CPALL และ CPAXT ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นการบริโภคเต็ม ๆ ส่วนด่านช่วงสั้นมองไว้ที่ 1,370 จุด คงจะต้องรอให้มีปัจจัยบวกใหม่หนุน ส่วนแนวรับ 1,350 จุด