HoonSmart.com>> ่เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์’ (PCE) เคาะราคาขายสุดท้าย IPO ที่ 2.28 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย หลังนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการจองซื้อคึกคัก เตรียมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเดือนกันยายนนี้ เดินหน้าขยายโรงงานและขยายกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีน รองรับการเติบโตทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก
นางสาวนลิน วิริยะเสถียร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และรับประกันการจำหน่ายร่วม บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) กล่าวว่า PCE ได้ประกาศช่วงราคาเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 2.08-2.28 บาทต่อหุ้นและเริ่มเสนอขายแก่นักลงทุนรายย่อยเมื่อวันที่ 30 ส.ค. และวันที่ 2-3 ก.ย.67 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยม และนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการจองซื้อเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจน้ำมันปาล์ม ล่าสุดจึงกำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายที่ราคา 2.28 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในเดือนกันยายนนี้
นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวต่อว่า หุ้น PCE ที่ราคา 2.28 บาท ถือเป็นราคาที่เหมาะสมกับความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรของไทย พร้อมทั้งการมีระบบการจัดการซัพพลายเชนเป็นของตนเอง (Supply Chain) ที่พร้อมจะรองรับการเติบโตจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในทุกภาคส่วนทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออก ซึ่งจะทำให้ PCE สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว ส่วนวัตถุประสงค์ของการระดมทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ลงทุนขยายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ เพิ่มเสถียรภาพในการจัดหาวัตถุดิบน้ำมันปาล์มดิบ รวมทั้งลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ ขยายกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อใช้ในการบริโภค นอกจากนี้ยังยกระดับประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้ดียิ่งขึ้น
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า PCE ถือเป็นหุ้นที่มีจุดเด่นต่างจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มรายอื่น เนื่องจากเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร ครอบคลุมกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มดิบ โรงผลิตน้ำมันไบโอดีเซล โรงผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค โรงไฟฟ้าก๊าซชีวมวล รวมทั้งการให้บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ ให้บริการขนส่งสินค้าทางรถและทางเรือ
นอกจากนี้ ยังมีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน ที่เสริมสร้างและสนับสนุนกันในแต่ละธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบและการผลิต การขาย และโลจิสติกส์ เพื่อส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างครบครัน อีกทั้งยังเป็นผู้นำการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบระดับประเทศ จึงมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรในระดับประเทศ
นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในระยะ 3 ปีข้างหน้า (2567-2569) มีทิศทางขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากกำลังซื้อภายในประเทศ และความต้องการใช้ในต่างประเทศ มาจากการบริโภคและอุปโภค ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มพลังงานทดแทนที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการใช้โอเลโอเคมิคอลเพื่อเป็นส่วนประกอบในสินค้า เช่น เครื่องสำอาง สบู่ ครีมบำรุงผิว เป็นต้น ตลอดจนอุตสาหกรรมน้ำมันไบโอดีเซล เป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างการเติบโตเพื่อขยายตลาดในทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและตลาดส่งออก ตลอดจนเห็นโอกาสในการต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างโอกาสในตลาดใหม่ๆ จึงได้เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวต่อไป