HoonSmart.com>>ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เผยครึ่งปีหลังเบี้ยโครงการรัฐเข้า ดันผลการดำเนินงานปีนี้สวย มั่นใจ TIP ครองแชมป์ประกัน Non-Motor
ดร. สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TIPH) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย (TIP) พร้อมด้วย นายวิบูลย์ เฟื่องพานิชเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน เปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท ในกิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ว่า ในช่วงครึ่งปีหลังจากการที่ได้รัฐบาลใหม่แล้ว และงบลงทุนภาครัฐจะออกมาเพิ่มขึ้น โครงการใหญ่ๆ ของภาครัฐจะเดินหน้าเต็มที่ จะเป็นโอกาสของบริษัททิพยประกันภัย (TIP)ในการได้เบี้ยเพิ่มขึ้นมา จากการที่เป็นผู้นำในการรับประกันภัยโครงการรัฐมาโดยตลอด จะทำให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่กำไรเติบโตสูงมาก
ทั้งนี้ บริษัทฯประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.50 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้น XD วันที่ 11 ก.ย.2567 และจ่ายปันผลวันที่ 25 ก.ย.2567
กรณี น้ำท่วมภาคเหนือ มีลูกค้าของบริษัทที่ทำประกันทรัพย์สิน หรือ นันมอเตอร์ 243 เคลม ประมาณการณ์สินไหมไม่ถึง 10 ล้านบาท และ ประกันรถยนต์ 67 เคลม ประมาณการณ์สินไหม 2.8 ล้านบาท
“ถือว่าไม่มาก เพราะน้ำหลากไม่ได้ทำให้พื้นที่อุตสาหกรรม หรือพื้นที่หลักๆ เสียหาย” ดร.สมพร กล่าว
ดร.สมพร กล่าวว่า จากการแข่งขันเบี้ยรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถEV รุนแรง เห็นได้จากเบี้นรถEV ในไทยใกล้เคียงกับรถสันดาป ต่างจากในตลาดสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย เบี้ยรถ EV สูงกว่ารถสันดาป 30%-40% บริษัททิพยจึงถอนตัวจากตลาดรถEV ผ่านดีลเลอร์ จะทำให้เบี้ยรถ EV ปีนี้ลดลง โดยจะรุกขยายเบี้ยรถสันดาป และประกันภัยอื่นๆ เพิ่มขึ้น
สำหรับ กำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ของ TIPH เท่ากับ 815 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.37 บาทต่อหุ้น
ในครึ่งปีแรกของปี 2567 TIP บริษัทแกนของกลุ่ม TIPH มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 15,678 ล้านบาท และมีกำไรจากการรับประกันภัย1,685 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากนโยบายการรับประกันภัยแบบคัดสรรภัย (Selective) และกำหนดเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสมกับความเสี่ยง (Risk-Based Pricing) เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
“TIP ให้ความระมัดระวังในการรับประกันภัยรถยนต์ประเภท EV รวมถึงวางแผนรับมือได้กับทุกสถานการณ์ ดังนั้นแม้ TIP จะเผชิญกับภาวะตลาดประกันวินาศภัยที่เบี้ยประกันภัยรับรวมแทบจะคงที่ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังเผชิญกับความเปราะบางทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ แต่ TIP ยังคงสามารถสร้างการเติบโตในกำไรจากการรับประกันภัยได้อย่างต่อเนื่อง”ดร.สมพร กล่าว
ดร.สมพร กล่าวว่า ขณะที่บริษัท อินชัวร์เวิร์ส บริษัทประกันภัยวินาศภัยดิจิทัลเต็มรูปแบบที่กลุ่ม TIPH เข้าลงทุนภายใต้บริษัท ทิพย ไอบี ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการเมื่อไตรมาส 4/2566 มีเบี้ยประกันภัยรับรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 195% จากไตรมาสก่อน และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากกระแสตอบรับในแคมเปญต่างๆ รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยมียอดการค้นหาแบรนด์เพิ่มขึ้นถึงกว่า 1,000% ตั้งแต่เปิดให้บริการ
ส่วนกลุ่มธุรกิจสนับสนุนธุรกิจประกันภัยที่กลุ่ม TIPH เข้าลงทุนภายใต้บริษัท ทิพย ไอเอสบี ในภาพรวมมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 18% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มาจากการพยายามเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งในส่วนของบริษัท ดี พี เซอร์เวย์ แอนด์ลอว์ ผู้ให้บริการงานสำรวจและประเมินความเสียหาย ซึ่งมี Digital Surveyor ที่พร้อมให้บริการทั่วประเทศ และกำลังขยายบริการเพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ มีความพร้อมเต็มที่ในการผลักดันให้ตัวแทนนายหน้าขายประกันภัยผ่านช่องทาง Insurance Super App
บริษัท ศูนย์ฝึกอบรมทิพย เป็นอีกบริษัทที่ทำกำไรได้อย่างโดดเด่ดของกลุ่ม TIPH โดยเพียง 6 เดือนแรกของปี 2567 ก็สามารถทำกำไรได้เทียบเท่ากับกำไรในปี 2566 ทั้งปี
บริษัท ทิพย เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด อีกหนึ่งบริษัทเรือธงของกลุ่ม TIPH ที่ปัจจุบันลงทุนในบริษัท มีที่ มีเงิน ซึ่งเปิดให้บริการสินเชื่อแบบมีหลักประกัน โดยสร้างกำไรได้ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดดำเนินงาน และยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 มากกว่ากำไรสุทธิทั้งปีในปี 2566
อีกทั้งได้เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท เงินดีดี ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน ที่บริษัท มีที่ มีเงิน เข้าร่วมลงทุนก็สามารถเปิดดำเนินการได้ตามแผน โดยเริ่มเปิดให้บริการเมื่อ 15 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเพียง 1 เดือนที่ Soft Launch ก็มียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Good Money by GSB กว่า 40,000 ครั้ง
ดร.สมพร กล่าวว่า ทุกกลุ่มธุรกิจที่กลุ่ม TIPH เข้าลงทุนล้วนมีทิศทางการเติบโตที่ดี อีกทั้งกลุ่ม TIPH ยังคงมุ่งมั่นดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง แสวงหาและศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการร่วมกับพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อให้บรรลุตามนโยบายหลักของกลุ่ม TIPH ในการเป็นกลุ่มบริษัทประกันภัยและการลงทุนชั้นนำในระดับสากล