HoonSmart.com>>กลุ่มบริษัทเอไอเอ เผยครึ่งแรกปี’67มูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่ม 25% ถือเป็นสถิติใหม่ ปันผลระหว่างกาลต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 5.2%
กลุ่มบริษัทเอไอเอ รายงานว่า 6 เดือนแรกปี 2567 มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้น 25% ถือเป็นสถิติใหม่ คิดเป็นมูลค่า 2,455 ล้านเหรียญสหรัฐ
ยอดขายเพิ่มขึ้น 17% คิดเป็น 4,546 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) กำไรของธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 3.3 จุด เป็น 53.9%
ด้านกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ที่ 3,386 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10% ต่อหุ้น อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 15.3% เพิ่มขึ้นมาจาก 13.5% ในปี 2566
กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นตามเป้าหมายอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR) จาก 9% เป็น 11% ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2569
สำหรับ ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในช่วงครึ่งปีแรก 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐผ่านการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน
เพิ่มมูลค่า 2.0 พันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการซื้อหุ้นคืนที่ประกาศในเดือนเมษายน ส่งผลให้ยอดรวมอยู่ที่ 12.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ
เงินปันผลระหว่างกาลอยู่ที่ 44.50 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 5.2%
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า ช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ประสบความสำเร็จในการสร้างผลกำไรทางธุรกิจใหม่ การเติบโตของกำไรอย่างมีนัยสำคัญ การสร้างเงินกองทุนส่วนเกินที่แข็งแกร่ง และคืนผลตอบแทนจำนวนมากให้แก่ถือหุ้น
นอกจากนี้ ยังได้ประกาศกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้น และเป้าหมายอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR) จาก 9% ไปเป็น 11% ตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2569
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่ม 25% เป็นผลโดยตรงมาจากความสามารถของเอไอเอในการส่งมอบธุรกิจใหม่ที่ทำกำไรได้หลายครั้งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะสมอยู่ในตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเพื่อรักษาการเติบโตของรายได้และกระแสเงินสด
ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2567 ได้ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น จำนวน 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐผ่านการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน คณะกรรมการได้ประกาศเพิ่มโครงการซื้อหุ้นคืนอีก 2.0 พันล้านเหรียญสหรัฐในเดือนเมษายน ส่งผลให้ยอดรวมอยู่ที่ 12.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ
คณะกรรมการได้ประกาศเพิ่มเงินปันผลระหว่างกาลอีก 5.2% เป็น 44.50 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งอย่างมากของเอไอเอ ตลอดจนความเชื่อมั่นในการดำเนินงานและทางการเงินในอนาคต
“เอไอเอ อยู่ในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมกับการใช้ประโยชน์จากโอกาสการเติบโตเชิงโครงสร้างระยะยาวในเอเชีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่น่าดึงดูดใจที่สุดในโลกธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ผมมั่นใจว่าด้วยการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีเป้าหมายที่แน่วแน่ของเราอย่างต่อเนื่อง เราจะยังคงสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่เอไอเอมีอยู่อย่างมากมายได้ต่อไป เพื่อคว้าโอกาสที่อยู่ข้างหน้าเราในการสร้างมูลค่าผู้ถือหุ้นที่ยั่งยืนในระยะยาว”นายหลี่ หยวน ชยอง กล่าว