ดาวโจนส์ปิดบวก 113 จุด ผลประกอบการแบงก์แกร่ง

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 113 จุด ขานรับผลประกอบการแบงก์แข็งแกร่ง ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลดลง 1.47 ดอลลาร์ หลังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลายวัน ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
      
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 14กรกฎาคม 2566 ที่ 34,509.03 จุด เพิ่มขึ้น 113.89 จุด หรือ 0.33% จากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้เป็นการปิดสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม

แต่ดัชนี S&P500 ปรับตัวลง เพราะหุ้นธนาคารและสถาบันเงินส่วนใหญ่อ่อนตัวลงหลังการเริ่มรายงานผลดำเนินการรายไตรมาส

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,505.42 จุด ลดลง 4.62 จุด, -0.10%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,113.70 จุด ลดลง 24.87 จุด, -0.18%

ในสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 2.3%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 2.4% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 3.3%

ยูไนเต็ดเฮลธ์ บริษัทประกันยักษ์ใหญ่บวกกว่า 7% หลังรายงานกำไรและรายได้ดีกว่าคาด และยังปรับคาดการณ์ผลการดำเนินงานทั้งปีขึ้นด้วย

หุ้นเจพี มอร์แกนเชสบวก 0.6% จากกำไรไตรมาสสองที่ดีกว่าคาด เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและรายได้ดอกเบี้ยที่ดีขึ้น

หุ้นเวลลส์ ฟาร์โกลดลง 0.3% แม้ผลการดำเนินงานดีกว่าคาด

สก็อตต์ แลดเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก Horizon Investments กล่าวว่า สิ่งที่เห็นจากผลการกำไรของธนาคารใหญ่ โดยเฉพาะเจพี มอร์แกน ถือว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตามทั้งสองธนาคารได้ตั้งสำรองกันหนี้เสียจากเงินกู้ที่ปล่อยให้ภาคอสังหาริมทรัพย์

หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 4% หุ้นแบล็กร็อก ลดลง 1.5% ทั้งสองรายเปิดเผยกำไรรายไตรมาสลดลง

นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารถูกเทขาย หลังจากปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา

ดัชนี S&P หุ้นกลุ่มธนาคารลดลงหลังปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 โดยดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาค ลดลง 1.9%

นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 จะลดลง 8.1% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบกับช่วงเดีวกันของปีก่อน ขณะที่บริษัทส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่รายงานผลการดำเนินงานดีกว่าคาด

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง หลังจากปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี

แต่หุ้นเทสลาบวก 1.3% สวนทางตลาด ก่อนการรายงานผลประกอบการในวันพุธหน้าซึ่งจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่รายแรกที่เปิดเผยผลการดำเนินงาน

สำหรับการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นจาก 64.4 ในเดือนมิถุนายนมาที่ 72.6 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2021 และสูงกว่า 65.5 นักวิเคราะห์คาด
      

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ แต่ก็ยังเป็นสัปดาห์ที่ปรับขึ้นมากที่สุดในแง่เปอร์เซนต์ ในรอบกว่า 3 เดือนด้วยความหวังว่าเงินเฟ้อที่อ่อนตัวจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ใกล้จะยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

กลุ่มน้ำมันและก๊าซลดลง 2.1% จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซนก็ลดลงเช่นกัน เนื่องจากผู้ค้าเริ่มลดการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป

ไจลส์ คอฟแลน หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ HYCM กล่าวว่า ตลาดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมองว่า ECB อาจจะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งหรือสองครั้งในปีนี้”

ข้อมูลราคาผู้บริโภคในสวีเดนเพิ่มขึ้นเร็วกว่าคาดในเดือนมิถุนายน ทำให้มีแรงกดดันต่อธนาคารกลางที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก

กลุ่มเหมืองแร่ลดลง 1.0% แต่ในสัปดาห์นี้ยังบวก 5.7% จากราคาโลหะที่สูงขึ้นหลังเงินดอลลาร์อ่อนค่า

นักลงทุนยังจับตาการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป

หุ้นกลุ่มเทเลคอมลดลง 1.3% โดยหุ้นโนเกียร่วงกว่า 9% หลังปรับลดคาดการณ์ผลการดำเนินงานทั้งปีลง

หุ้นอิริคสันลดลง 10.6% หลังรายงานกำไรไตรมาสสองร่วง 62%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 460.83 จุด ลดลง 0.53 จุด, -0.11%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,434.57 จุด ลดลง 5.64 จุด, -0.08%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,374.54 จุด เพิ่มขึ้น 4.74 จุด, +0.06%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,105.07 จุด ลดลง 35.96 จุด, -0.22%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 1.47 ดอลลาร์ หรือ 1.91% ปิดที่ 75.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายนลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.83% ปิดที่ 79.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล