STEC เปิดแลกหุ้นโฮลดิ้ง อัตรา 1:1 เทนเดอร์ฯ 45 วัน

HoonSmart.com>> ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ลุยทำ เทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ในอัตรา 1 ต่อ 1 เริ่ม 19 ส.ค.- 21 ต.ค.นี้ ปั้นธุรกิจใหม่เติบโตสูง กระจายความเสี่ยง สร้างรายได้ประจำ เสริมแกร่งธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สำนักงาน ก.ล.ต.”) ได้อนุญาตให้บริษัทโฮลดิ้งหรือ STECON เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่พร้อมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ STEC แล้ว

ทั้งนี้ บริษัทโฮลดิ้งจะทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ STEC โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับหุ้นสามัญของบริษัทโฮลดิ้งในอัตราการแลกหุ้น (Share Swap Ratio) ที่หุ้นสามัญของบริษัทโฮลดิ้ง 1 หุ้น ต่อหุ้นสามัญของ STEC 1 หุ้น โดยระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม ถึง 21 ตุลาคม 2567 เป็นระยะเวลา 45 วันทำการ

ทั้งนี้ ภายหลังเสนอซื้อหลักทรัพย์เสร็จ STEC จะเพิกถอนหุ้นออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทโฮลดิ้งจะเข้าจดทะเบียนแทนที่หุ้นของ STEC ในวันเดียวกัน และบริษัทจะเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ (Ticker) เป็น STECON โดยคาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2567

บริษัทโฮลดิ้ง มีเป้าหมายลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่ และรองรับแผนการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน โดยมีแผนลงทุนในธุรกิจที่สร้าง Recurring Income และธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง (New S-Curve) เพื่อกระจายความเสี่ยง และเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ไปยังธุรกิจอื่นที่นอกเหนือจากธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้างเดิม ซึ่งคาดว่าสัดส่วนรายได้ในธุรกิจใหม่ในช่วง 5 – 10 ปีข้างหน้าจะเห็นการเติบโตอย่างโดดเด่น และมีสัดส่วนอย่างมีนัยสำคัญต่อกลุ่มบริษัท เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่นักลงทุนอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
นายภาคภูมิ กล่าวว่า ภายหลังจากการปรับโครงสร้างการถือหุ้น ธุรกิจของบริษัทฯ จะมี 2 ส่วนได้แก่ (1) กลุ่มธุรกิจหลัก และ (2) กลุ่มธุรกิจอื่น โดยมีรายละเอียด ดังนี้ โดยกลุ่มธุรกิจหลักแบ่งออกเป็น (1) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (2) ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานและพลังงาน และ (3) ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอื่นประกอบด้วยธุรกิจที่มีความสามารถในการเติบโตสูง