SAWAD พุ่ง 7.81% เล็งกำไรดีขึ้นครึ่งปีหลัง ส่วน Valuation ไม่แพง

HoonSmart.com>>หุ้น SAWAD พุ่ง 7.81% โบรเกฯเพิ่มคำนแนะนำเป็น”ซื้อ”คาดกำไรดีขึ้นในครึ่งหลังปี 67 จากคาด credit cost และผลขาดทุนจากการขายจะลดลงในครึ่งปีหลัง มีมุมมองบวกต่อกลยุทธ์บริษัทที่ชะลอปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และหันมาเน้นปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียน ด้าน Valuation ไม่แพง

เมื่อเวลา 11.03 น.หุ้น SAWAD พุ่ง 7.81% มาที่ 34.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 276.11 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 32.50 บาท ขึ้นสูงสุด 34.75 บาท และต่ำสุด 32.25 บาท

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น SAWAD จาก”ถือ” เป็น”ซื้อ” คงคาดการณ์กำไรปี 2567 ที่ 5.3 พันล้านบาท และราคาเป้าหมายที่ 39 บาท (P/BV ปี 2567 ที่ 1.7 เท่าและ P/E ที่ 11.0 เท่า) การก่อตัวของ NPL ของ SAWAD ลดลงเหลือ 1.1% ในไตรมาส 2/67 จาก 2-4% ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 – ไตรมาส 1 ปี 2567 จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อกลยุทธ์ของบริษัทที่ชะลอการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และหันมาเน้นการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียน ทั้งนี้ราคาหุ้นของ SAWAD ลดลง 13% ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) รับคดีเรื่องการคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขณะนี้ Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพง(ซื้อขายที่ PER ปี 2567 ที่9 เท่า และ P/BV ที่ 1.4 เท่า) จึงคาดว่ากำไรในครึ่งหลังของปี 2567 จะเติบโต HoH จากการขาดทุนในการขายที่ลดลงความเสี่ยงสำคัญ คือคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอกว่าคาด และแนวโน้ม ROE ที่ลดลงเนื่องจากการเติบโตของ EPS ที่ชะลอตัวจากการจ่ายปันผลหุ้น

ทั้งนี้ มีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยผู้บริหารได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อลงเหลือ 10% จาก 20% (เทียบกับคาดการณ์ที่ 15%) เนื่องจากบริษัทได้ปรับลดอัตราส่วนการให้สินเชื่อโดยเทียบกับมูลค่าหลักประกัน(LTV) เพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ นอกจากนี้บริษัทยังเห็นความไม่แน่นอนสูงในตลาดตราสารหนี้โดยบริษัทได้ออกตราสารหนี้ 2.1 พันล้านบาทจากทั้งหมด 3.5 พันล้านบาท(รวม Greenshoe Option) ในเดือนก.ค.2567 โดยบริษัทมีวงเงินสินเชื่อใหม่จากธนาคารต่างประเทศ 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และวงเงินสินเชื่อที่เหลืออยู่จากธนาคารไทยอีก 1 พันล้านบาท ล่าสุดบริษัทได้เพิ่มสาขาใหม่ 159 สาขาในครึ่งแรกปี 2567 เทียบกับเป้าหมายของบริษัทที่ 300 สาขาใหม่ในปี 2567

SAWAD ตั้งเป้าว่าต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ(credit cost) จะลดลงสู่ระดับปกติที่ 1.80% ในครึ่งหลังของปี 2567 จาก 2.2% ในไตรมาส 2 ปี 2567 เนื่องจากบริษัทได้เข้มงวดนโยบายการอนุมัติสินเชื่อและลดอัตราส่วน LTV ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2566 โดยผู้บริหารคาดว่าการขาดทุนในการขายจะลดลงเหลือ 300-350 ล้านบาทต่อไตรมาสในครึ่งหลังของปี 2567 จาก 971 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2567 ในแง่ของคุณภาพสินทรัพย์ SAWAD คาดว่าอัตราหนี้เสีย NPL ratio จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5% ในปี 2567 จาก 3.4% ในไตรมาส 2 ปี 2567 จึงคาดว่า credit cost จะยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่ที่ 2.1% เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ช้าลงในครึ่งหลังของปี 2567