กลุ่ม JMART ขึ้นยกแผง เก็งผ่านจุดต่ำสุดใน Q2 ไม่เป็น SABUY 2 แน่

HoonSmart.com>>หุ้นในกลุ่ม JMART พุ่งแรงยกแผง เก็งผลงานผ่านจุดต่ำสุด (Bottom) ไปแล้วในไตรมาส 2 แต่ต้องรอดูไตรมาส 3 จะฟื้นได้แค่ไหน อีกทั้งไม่มีความเสี่ยงจากคดีนายกฯเพราะเป็นหุ้นที่รายย่อยเล่น พร้อมวางใจไม่เป็น SABUY 2 แน่ ความเสี่ยงการเงินรั่วไหลต่ำกว่า SABUY ด้านบล.กรุงศรี ระบุการฟื้นตัวของ JMART ยังต้องใช้เวลา ส่วน JMT แนวโน้มไตรมาส 3/67 ดีขึ้น สำหรับ SINGER รอประเมินความสำเร็จ SG Finance+ (Locked phone) อีกครั้งหนึ่ง

หุ้นในกลุ่มเจมาร์ทพุ่งแรงยกแผง โดยปิดเช้าหุ้น JMART พุ่ง 26.37% มาที่ 11.5 บาท เพิ่มขึ้น 2.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 309.37 ล้านบาท
หุ้น JMT พุ่ง 26.26% มาที่ 12.5 บาท เพิ่มขึ้น 2.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 584.55 ล้านบาท
หุ้น SINGER พุ่ง 14.62% มาที่ 7.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.95 บาท มูลค่าซื้อขาย 94.76 ล้านบาท
หุ้น SGC พุ่ง 10.71% มาที่ 1.24 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท มูลค่าซื้อขาย 55.14 ล้านบาท
หุ้น J พุ่ง 10.69% มาที่ 1.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท มูลค่าซื้อขาย 1.78 ล้านบาท

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่ม JMART ขยับขึ้นกันทั่วหน้า คาดว่าจะเป็นแรงเก็งกำไรของนักลงทุนจากมุมมองผลประกอบการของกลุ่มเจมาร์ทน่าจะผ่านจุด Bottom ไปแล้วในไตรมาส 2 แต่ไตรมาส 3 ก็ยังไม่รู้ว่าจะฟื้นตัวได้เร็วแค่ไหน ทำให้เป็นจังหวะที่ตลาดยังต้องระวังการลงทุน

“หุ้นดีหลายตัวขึ้นมากันเยอะแล้ว และยังไม่รู้ว่าจะได้รับผลกระทบยังไงจากปัจจัยการเมืองที่ยังต้องรอติดตามดู ทำให้หุ้นใหญ่นักลงทุนยังไม่กล้าเข้ามาเก็ง ขณะที่หุ้นในกลุ่ม JMART เป็นหุ้นที่รายย่อยจะลงทุน และไม่มีความเสี่ยงจากคดีนายกฯด้วย”

สำหรับที่ยังสงสัยกันว่ากลุ่ม JMART จะเป็น SABUY 2 นั้น นายกิจพณ กล่าวว่า “ยังต่างกันเยอะ SABUY ลงทุนธุรกิจมาก แต่ถือหุ้นในสัดส่วนที่น้อยในแต่ละธุรกิจที่ไปลงทุน ทำให้อาจไม่เห็นผลดีกลับมาเท่าไร แต่กลุ่ม JMART จะลงทุนด้วยการเข้าถือหุ้นในระดับสำคัญในการบริหาร เทียบแล้วความเสี่ยงต่างกับ SABUY โดยธุรกิจของ JMART ส่วนใหญ่เป็นการ Spin off โดยตัดจากตัวแม่ ความเสี่ยงทางการเงินที่จะรั่วไหลต่ำกว่า SABUY”

อย่างไรก็ดี กลุ่ม JMART ปกติการเติบโตของธุรกิจจะมาจากการกู้ยืม ซึ่งสภาพตลาดไม่ปกติ ทำให้ยังมีความกังวลการกู้ยืมระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ที่ไม่ดีเท่าไร พร้อมให้ติดตามกำหนดการชำระหนี้หุ้นกู้ในกลุ่มเจมาร์ท

บล.กรุงศรี ประเมิน JMART มีมุมมอง Neutral ต่อผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 กำไรสุทธิที่ 340 ล้านบาท (จากขาดทุนในไตรมาส 2 ปี 2566, +44% QoQ) ปัจจัยหลักจาก J ที่มีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ และ JK AMC ที่สามารถจัดเก็บเงินสดได้ดี ขณะที่ JMT อ่อนตัวจาก Cash collection ต่ำกว่าเป้า และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีโดยรวมมองผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้วในปี 2566 อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวยังมองว่าต้องใช้เวลา จึงแนะนำ”wait and see” รอความชัดเจนใน 2 ประเด็นคือ เรื่องสินเชื่อ locked phone ของ SINGER ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและความสามารถในการเก็บหนี้ และค่าใช้จ่ายของ JMT หลังจากเร่งดำเนินคดี

ทั้งนี้ แนะนำ”ซื้อ”หุ้น JMT มีมุมมอง Neutral (เป็นกลาง) ต่อกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2567 ที่ 367 ล้านบาท (-33% YoY, -12% QoQ) สูงกว่าตลาดคาด 30% โดยปัจจัยหลักที่กำไรลดลงจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี และ ECL ที่สูงขึ้น ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก JK ปรับสูงขึ้น ด้านมุมมองไตรมาส 3 ปี 2567 มองว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น QoQ เนื่องจากเริ่มเห็นผลของการดำเนินคดี แต่ยังลดลง YoY จากภาพรวมการจัดเก็บที่ยังอ่อนแอและค่าใช้จ่ายสูง เบื้องต้นราคาเป้าหมายเดิม 18.60 บาท อิง PBV 1.0 เท่า โดยมีปันผลระหว่างกาลเป็นเงิน 0.38 บาทต่อหุ้น (Yield 3.84%, XD วันที่ 22 ส.ค.) อย่างไรก็ตามเรารอฟังข้อมูลเพิ่มเติมจากการประชุมนักวิเคราะห์เพื่อทบทวนประมาณการกำไรปี 2567 และราคาเป้าหมายปี 2567 อีกครั้งหนึ่ง

ส่วน SINGER มอง Neutral ต่อกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2567 ที่ 28 ล้านบาท จากขาดทุนไตรมาส 2 ปี 2566 และ +41% QoQ โดยปัจจัยหลักมาจากการตั้งสำรองที่ลดลง ขณะที่ด้านคุณภาพสินทรัพย์เริ่มทรงตัว NPL ratio ปรับตัวลงเล็กน้อยจาก 22.3% ในไตรมาสก่อนหน้าเป็น 22.0% โดยมองว่าบริษัทยังคงชะลอการขยายธุรกิจเก่าอย่างการขายสินค้า, สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์, และสินเชื่อจำนำทะเบียนเพื่อจัดการกับคุณภาพสินทรัพย์และสินค้าคงเหลือต่อ ขณะที่การเติบโตจะไปเน้นในธุรกิจใหม่อย่าง SG Finance+ (Locked phone) มากขึ้น เชิงกลยุทธ์แนะนำ “wait and see” เพื่อรอประเมินความสำเร็จ SG Finance+ (Locked phone) อีกครั้งหนึ่ง