DSI ออกหมายจับ “ชนินทร์ เย็นสุดใจ” …ก.ล.ต.เชือด “วนรัชต์” -อดีตกก.10 รายแต่งบัญชี

HoonSmart.com >>” ดีเอสไอ” ประสานอินเตอร์โพล ล่าตัว “ชนินทร์ เย็นสุดใจ” อดีตประธาน STARK หลังเผ่นหนีตั้งแต่ 24 มิ.ย. ปลายทางสิงคโปร์ ฟากก.ล.ต. กล่าวโทษ บริษัท STARK , กรรมการ-อดีตกรรมการและผู้บริหาร รวม 10 รายต่อดีเอสไอ ร่วมกันแต่งบัญชีช่วงปี 2564-2565

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน คดีทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า วันที่ 6 ก.ค.2566 เวลา 10.30 น. พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ได้ออกหมายเรียก นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการ STARK ผู้ต้องหา ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในคดีทุจริตและแต่งบัญชี ปรากฏว่า นายชนินทร์ไม่มาพบเจ้าพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก

นายชนินทร์ ส่งหนังสือแจ้งเลื่อนหมายเรียก ให้เหตุผลว่า ไม่สะดวกเข้าพบในวันเวลาดังกล่าว แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้ระบุว่า จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนวันเวลาใด

ทางการข่าว ระบุว่า  นายชนินทร์ ได้เดินทางออกนอกประเทศไทย ไปตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา ประเทศปลายทางเบื้องต้นเป็นประเทศสิงคโปร์ และดีเอสไอ ได้มีการขอศาลออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว และประสานตำรวจสากล (อินเตอร์โพล)  เพื่อพิจารณาออกหมายแดงแก่นายชนินทร์

ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามยึดอายัดทรัพย์เพิ่มเติม โดยได้มีการอายัดทางทะเบียนไว้บ้างแล้ว เพื่อป้องกันการจำหน่าย จ่าย โอน

ด้านนายชนินทร์ เย็นสุดใจ ไม่ตอบคำถามใดๆ โดยระบุว่า เป็นหนังคนละม้วน และปฏิเสธที่จะตอบคำถามใดๆ

ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK), กรรมการ , อดีตกรรมการและอดีตผู้บริหารของ STARK รวม 10 ราย ต่อ DSI กรณีร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จในบัญชีเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในช่วงปี 2564 – 2565 เพื่อลวงบุคคลใด ๆ และเปิดเผยงบการเงินในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนที่เชื่อได้ว่ามีการตกแต่งงบ

รวมทั้งปกปิดความจริงในข้อมูล factsheet เสนอขายหุ้นกู้ STARK ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยทุจริตหลอกลวง และทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวง พร้อมกันนี้ ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

ประกอบด้วย  (1) บริษัท STARK (2) นายชนินทร์ เย็นสุดใจ (3) นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ (4) นายชินวัฒน์ อัศวโภคี (5) นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ (6) นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม (7) บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด (PDITL) (8) บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (TCI) (9) บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด และ (10) บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด

บุคคลทั้ง 10 ร่วมกันกระทำ หรือยินยอม ให้มีการลงข้อความเท็จ ทำบัญชีไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง ในบัญชีหรือเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในปี 2564 – 2565 เพื่อลวงบุคคลใด ๆ

อีกทั้ง STARK มีการเปิดเผยในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวน โดยเปิดเผยงบการเงินที่เชื่อได้ว่ามีการตกแต่งงบการเงินดังกล่าว รวมทั้งปกปิดข้อความจริงในข้อมูลในส่วนสรุปข้อมูลสำคัญของตราสาร (factsheet) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแบบแสดงรายการข้อมูลสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ STARK ว่าได้มีการเข้าลงทุนในบริษัท LEONI Kabel GmbH และ LEONIsche Holding Inc แล้ว ทั้งที่ยังเข้าลงทุนในกิจการดังกล่าวไม่เสร็จเรียบร้อย

ทั้งนี้ ปรากฏว่าหลังจากที่ STARK ได้รับเงินหุ้นกู้และเงินเพิ่มทุน พบการโอนเงินออกจาก STARK และบริษัทย่อยไปยังบริษัทหรือบุคคลอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับการตกแต่งงบการเงินด้วย

พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ข้างต้น ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

นอกจากกรณีที่กล่าวโทษในครั้งนี้ ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผลไปยังกรณีอื่น ๆ ที่มีข้อสงสัยในเรื่องการทุจริต โดยจะประสานความร่วมมือกับ DSI ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ จะมีการเปิดเผยให้ทราบต่อไป

ในการตรวจสอบเรื่องนี้ ก.ล.ต. ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปปง. DSI และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ