THAI ครึ่งปีนี้กำไร 2,716 ลบ. จ่ายหนี้ 4,644 ลบ.ลั่นหุ้นกลับมาเทรด Q2/68

HoonSmart.com>>”การบินไทย”(THAI) เผยไตรมาส 2/67 กำไร 306 ล้านบาท รวมครึ่งปี  2,716 ล้านบาท ทำได้ต่ำเป้าเล็กน้อย EBITDA สูงกว่าประมาณการ  6 เดือนแรกจ่ายหนี้ 4,644 ล้านบาท จากทั้งปี  13,022 ล้านบาท เดินหน้าปรับโครงสร้างทุน สิ้นปีส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวก ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง ยกเลิกฟื้นฟูกิจการ-หุ้นกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 2/68 

บริษัท การบินไทย(THAI)  เปิดผลงานไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิ 306 ล้านบาท  กำไรหุ้นละ 0.14 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 2,262 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 1.04 บาท โดยรวม 6 เดือนแรกปีนี้ กำไรสุทธิ  2,716 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 1.24 บาท เทียบกับกำไรสุทธิ 14,776 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 6.77 บาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 43,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7% จากที่มีรายได้รวม 37,381 ล้านบาท แต่ลดลง 4.3% จากไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งเป็นไปตามปกติของธุรกิจที่ไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่ปริมาณความต้องการเดินทางอยู่ในระดับต่ำที่สุดของปี โดยบริษัทฯ ได้กลับมาทำการบินสู่เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี และกรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์ เพื่อรองรับปริมาณความต้องการเดินทาง และพัฒนาความร่วมมือกับสายการบินคูเวตแอร์เวย์สในรูปแบบเที่ยวบินรหัสร่วม (Codeshare) เชื่อมต่อเครือข่ายไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ ในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือและยุโรป ทำให้มีผู้โดยสารรวม จำนวน 3.81 ล้านคน และมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 73.2%

ขณะเดียวกันบริษัทฯมีค่าใช้จ่ายที่ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 38,056 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 32.1% ส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายที่ผันแปรตามปริมาณการผลิตและการขนส่งที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ  มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 5,925 ล้านบาท น้อยกว่าไตรมาส 2/2566 ที่มีกำไร 8,576 ล้านบาท โดยมีต้นทุนทางการเงินซึ่งเป็นการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) จำนวน 4,796 ล้านบาท และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่ส่วนใหญ่มาจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์เป็นค่าใช้จ่ายรวม 809 ล้านบาท รวมมี  EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบิน 4,401 ล้านบาท

สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 89,936 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.0% มีค่าใช้จ่ายที่ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 72,935 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 27.3% มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 17,001 ล้านบาท ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 21.3% มีต้นทุนทางการเงิน  9,403 ล้านบาท และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่ส่วนใหญ่มาจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและการด้อยค่าสินทรัพย์เป็นค่าใช้จ่ายรวม 4,847 ล้านบาท มี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบิน 18,402 ล้านบาท

“บริษัทฯมี EBITDA สูงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ ในขณะที่กำไรสุทธิต่ำกว่างบประมาณเล็กน้อย เป็นผลจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้น”

ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567 บริษัทฯ มีเครื่องบินที่ใช้ทำการบินทั้งสิ้น 77 ลำ มีอัตราการใช้เครื่องบินในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 เฉลี่ย 13.0 ชั่วโมงต่อวัน มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.6% ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 10.9% อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 78.1% ต่ำกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 81.4% และมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวม 7.68 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.81 ล้านคน หรือคิดเป็น 11.8%

ทางด้านสินทรัพย์รวมจำนวน 270,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 จำนวน 31,535 ล้านบาท หนี้สินรวม  310,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 28,823 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบจำนวน 40,430 ล้านบาท ติดลบลดลงจากสิ้นปี 2566 จำนวน 2,712 ล้านบาท มีเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด และสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 จำนวน 81,748 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,618 ล้านบาท จาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี บริษัทฯ ได้ชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการไปแล้วรวมทั้งสิ้น 4,644 ล้านบาท จากหนี้ที่ครบกำหนดชำระทั้งปีจำนวน 13,022 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) เพื่อเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งประกอบด้วย (1.1) การแปลงหนี้ในสัดส่วน  100% เป็นทุน ของเจ้าหนี้กลุ่ม 4 ซึ่งรวมถึงเจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ได้แก่ กระทรวงการคลัง การแปลงหนี้ในสัดส่วน 24.50% ของมูลหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้กลุ่ม 5 (สถาบันการเงินที่มีสิทธิตามสัญญาโอนสิทธิในการรับเงินจากการขายเครื่องบิน) เจ้าหนี้กลุ่ม 6 (สถาบันการเงินไม่มีประกัน) และเจ้าหนี้กลุ่มที่ 18-31 (เจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้)

(1.2) สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มเติมจาก 24.50% ที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการในส่วนของเจ้าหนี้กลุ่ม 4 5 6 และ 18-31 ข้างต้น และ (2) การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นก่อนการปรับโครงสร้างทุน พนักงานบริษัทฯ และนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงตามลำดับ โดยคาดว่าบริษัทฯ จะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) สำหรับการปรับโครงสร้างทุนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในเดือนก.ย. 2567 หลังจากนั้น กระบวนการใช้สิทธิและแจ้งเจตนาแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มเติมของเจ้าหนี้แต่ละกลุ่มคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนพ.ย. 2567 และกระบวนการเสนอขายและจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนสำหรับผู้ถือหุ้นก่อนการปรับโครงสร้างทุน พนักงานบริษัทฯ และนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนธ.ค. 2567 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกระบวนการจัดเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องของบริษัทฯ และที่ปรึกษาที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงระยะเวลาในการพิจารณาให้หนังสือชี้ชวนมีผลบังคับใช้ของ ก.ล.ต. โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถดำเนินการปรับโครงสร้างทุนให้แล้วเสร็จได้ภายในสิ้นปีนี้ตามที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์ให้งบการเงินประจำปี 2567 ของบริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขความสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการ

“บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อยกเลิกการฟื้นฟูกิจการและหุ้นของบริษัทฯ กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในช่วงไตรมาสที่ 2/2568 ”

ที่ผ่านมา การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ค.ของปี 2563 ก่อนที่บริษัทฯ ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ ลงต่ำกว่า  50% ส่งผลให้บริษัทฯ พ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ ทำให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน สามารถดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการและปฏิรูปธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ อาทิ การปรับโครงสร้างและปรับลดขนาดองค์กร การปรับลดแบบเครื่องบินและเครื่องยนต์ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการต้นทุนในด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงด้านบุคลากร ด้านฝูงบิน ด้านการซ่อมบำรุงฝูงบินและเครื่องยนต์ การยกระดับขีดความสามารถในการหารายได้โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพระบบบริหารรายได้ การปรับปรุงยุทธศาสตร์การขายบัตรโดยสารโดยมุ่งเน้นการหารายได้บัตรโดยสารจากการเชื่อมต่อเครือข่ายเที่ยวบิน (Network) ซึ่งเป็นการสนับสนุนยุทธศาสตร์ภาครัฐในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินชั้นนำในระดับนานาชาติ ตลอดจนการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจกลุ่มธุรกิจการบิน นำเครื่องบินแบบ A320 จากสายการบินไทยสมายล์เข้าประจำการในฝูงบินของบริษัทฯ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการบริหารจัดการฝูงบินและผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สามารถวางแผนพัฒนาเครือข่ายเส้นทางบินและเที่ยวบินให้ครอบคลุมรองรับความต้องการของผู้โดยสารได้ดียิ่งขึ้น