BBIK กำไรกระฉูด 3 ปีรายได้ 2 พันลบ.เพิ่มทุนขึ้น SET บริษัทผงาดติด’โกลบอล’

HoonSmart.com>>”บลูบิค กรุ๊ป”มั่นใจกลยุทธ์มาถูกทาง หนุนกำไรนิวไฮโตก้าวกระโดด แจกปันผลทุกปี เดินหน้าธุรกิจหลักเมกะเทรนด์ เพิ่มพันธมิตรร่วมลงทุน ใกล้จบ 1 ดีลปีนี้ หลังจากซื้อกิจการมา 2 บริษัทดันปีหน้าสดใส ตั้งเป้าสูง ปี 68 รายได้แตะ 2,000 ล้านบาท พุ่งขึ้น 5 เท่าเทียบปี 65 เพิ่มทุนพร้อมขึ้น SET ยกระดับบริษัทขึ้นภูมิภาค-ระดับสากล เล็งเปิดสำนักงานที่สหรัฐ สนใจที่อินโดนีเซียเพิ่ม Backlog 850 ล้านบาท มีรายได้ประจำ 50% นักลงทุนสถาบันเข้าใจธุรกิจ เข้ามาลงทุนหุ้น บล.กรุงศรีแนะเป็นจังหวะดีที่จะเข้าซื้อสะสม คาดราคาฟื้นตัวครึ่งปีหลัง คงเป้าหมาย 140 บาท

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ป (BBIK) ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร เปิดเผยว่า มั่นใจกลยุทธ์เดินมาถูกทาง ในการซื้อกิจการและร่วมลงทุนกับพันธมิตร นอกจากการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัท และขยายธุรกิจไปต่างประเทศ สะท้อนถึงภาพการเติบโตนิวไฮทุกไตรมาส ปีนี้ได้ปรับเป้าหมายรายได้เติบโตจาก 100% เป็น 120% ทะยานแตะ 1,200 ล้านบาท และในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นแตะ 2,000 ล้านบาท เติบโตถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ทำได้ 564 ล้านบาท

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอย่างมั่นใจเรื่องการเติบโตก้าวกระโดด วางเป้าหมายนิวไฮ เมื่อเห็นทิศทางการเติบโตสูงตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท และกำลังเดินทางเข้าสู่ปีที่ 10 ในเดือน ก.ย.2566 โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรเติบโตเฉลี่ย 70% ต่อปี และรายได้เติบโตเฉลี่ย 73% ตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ และมีการจ่ายเงินปันผลทุกปี โดยมีรายได้ประจำสัดส่วน 50% มี Backlog 850 ล้านบาท ณสิ้นเดือนมี.ค. 2566 ทำให้บริษัทมีพื้นฐานและความพร้อมที่แข็งแกร่ง มีบริการแบบ End-to-End ที่สามารถเทียบชั้นกับบริษัทที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันระดับภูมิภาคและสากล

บริษัทฯยังมีศักยภาพในการขยายตัวไปยังธุรกิจและตลาดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น การเปิดบริษัทย่อยที่สหรัฐอเมริกา หลังพบดีมานด์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังคงเติบโตแข็งแกร่ง ผนวกกับกระแสการใช้ IT Outsourcing กำลังมาแรง แต่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความคุ้มค่าในการลงทุน หรือจะใช้สำนักงานที่อังกฤษแทน ปัจจุบันมีการลงทุนในยุโรป-เอเชีย และยังสนใจที่อินโดนีเซียด้วย คาดรายได้จากตลาดยุโรปและอาเซียนจะเติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ ปัจจุบันมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 15% จะเพิ่มเป็น 20%ภายในปีนี้ หากลงทุนเพิ่มที่สหรัฐคาดว่าในปีหน้าจะเพิ่มอีก 5%

“เราเข้าตลาดหุ้นมาเกือบ 2 ปี ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด ตอนแรกกังวลว่านักลงทุนอาจจะไม่เข้าใจธุรกิจของบริษัท แต่ปัจจุบันมีนักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุน  BBIK ซึ่งเป็นหุ้นเติบโตสูงที่มีการจ่ายเงินปันผลทุกปี เราตั้งเป้าหมายรายได้และกำไรนิวไฮ พร้อมจะก้าวขึ้นสู่ระดับโกบอล  เมื่อมีรายได้จากต่างประเทศมากกว่าในประเทศ  และวางแผน 3 ปี จะมีการเพิ่มทุน เพื่อเลื่อนชั้นขึ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(SET)”นายพชรกล่าว

บริษัทมั่นใจจุดแข็งที่เชี่ยวชาญทั้งด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ในงานระดับสากลทั้งเอเชียและยุโรป  สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า รวมถึงมีศักยภาพในการรับงานขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน เพราะมีผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีพร้อมรองรับทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศผ่าน Bluebik Technology Center ในประเทศอินเดียและเวียดนาม  ขณะเดียวกันบริษัทมองเห็นโอกาสในการนำ AI มาใช้เพื่อต่อยอดและเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับลูกค้า โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้พัฒนา 2 สุดยอดซอฟต์แวร์ Generative AI ที่ต่อยอดจากเทคโนโลยี ChatGPT ได้แก่ Marketing Intelligence MI และ Knowledge Management KM ซึ่ง MI และ KM สามารถใช้งานได้จริงในโลกธุรกิจและเหมาะกับทุกอุตสาหกรรม ซึ่งจะนำร่องประยุกต์ใช้กับลูกค้าปัจจุบันในบางราย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตลอดเวลา และคาดว่า Generative AI จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มรายได้ประจำเสริมแกร่งด้านบริการ โดยมีธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) ประตูสู่ความร่วมมือกับพันธมิตร สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ นอกจากแพลตฟอร์มด้านทรัพยากรมนุษย์อย่าง HumanOS ที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำมากมายทั่วประเทศ

ด้านบล.กรุงศรีได้จัดงาน THE STANDARD x Bluebik  เพื่อคุยถึงธุรกิจของ sauce skill ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนของทั้งสองบริษัท พบว่ามีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก จากข้อมูลของ BBIK ตลาด talent management มีขนาดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และกำลังขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ และยังไม่มีใครยึดตลาดนี้ได้ อย่างแท้จริง ดังนั้น บริษัทจึงเห็นโอกาสที่จะเข้ามาจับตลาดนี้ โดยจะเริ่มเน้นที่ลูกค้าในกลุ่ม -level ที่ต้องการจะเพิ่มทักษะ (re-skill และ up-skill) ซึ่งจะสร้างความแตกต่างด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วม และสร้างประสบการณ์กับลูกค้ามากกว่าแค่การใช้วิธีสอนแบบ lecture ทั้งนี้ บริษัทบอกว่าได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากลูกค้าในช่วง trial period

“เราคงคำแนะนำซื้อ BBIKเรามั่นใจมากขึ้นกับแนวโน้มการเติบโต เพราะดีล JV นี้เป็นหนึ่งในเก้าปัจจัยกระตุ้นการเติบโตที่เราเคยระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยคิดว่าการดำเนินงานอย่างเต็มที่จะเริ่มในต้นปี 2567  ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมส่วนแบ่งกำไรจาก JV แห่งนี้เข้ามาในประมาณการของเรา นอกจากนี้ยังคิดว่าตอนนี้เป็นจังหวะดีที่จะเข้าซื้อสะสมหุ้น BBIK เพราะคาดว่าราคาหุ้นน่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเรายังคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 140 บาท”บล.กรุงศรีระบุ

สำหรับ BBIK เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2564 เสนอขายหุ้น IPO ในราคาหุ้นละ 18 บาทจากพาร์ 0.50 บาท ล่าสุดวันที่ 29 มิ.ย. ราคาปิดที่ 100.50 บาท บวก 1.50 บาทหรือ +1.52% มูลค่าซื้อขาย 81 ล้านบาท