HoonSmart.com>> บลจ.ยูโอบี (UOBAM) มองหุ้นไทยระยะสั้นผันผวนเกาะติดคดีการเมือง คาดกรอบดัชนี 5 เดือนหลังอยู่ที่ 1,215 – 1,443 จุด แรงหนุจากรัฐเร่งเบิกจ่ายงบ -ดิจิทัล วอลเล็ต-ท่องเที่ยวฟื้นต่อเนื่อง ดันหุ้นไทยปรับตัวขึ้น ด้านภาพรวมเศรษฐกิจโลกแนวโน้มชะลอตัวแบบไม่รุนแรง แนะปรับพอร์ตลดการถือเงินสด เพิ่มลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก รับดอกเบี้ยขาลง เน้นตราสารหนี้ Investment Grade ลดเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ กระจายลงทุนหุ้นธีม ESG, ธุรกิจ Robotics & AI, หุ้นเอเชีย พร้อมคัด 7 กองทุนเด่นแนะนำ
นางสาววรรณจันทร์ อึ้งถาวร รองกรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ประเทศไทย) หรือ UOBAM เปิดเผยว่า บลจ.ยูโอบีมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วง 5 เดือนหลังของปีนี้ คาดว่าจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรัฐเร่งการเบิกจ่าย โครงการดิจิทัล วอลเล็ตและจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว จึงมีมุมมองเชิงบวกกับหุ้นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายภาครัฐ การท่องเที่ยว การกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และ สาธารณูปโภค เป็นต้น
“หุ้นไทยราคาไม่ได้แพง แต่ยังไม่เห็นปัจจัยชัดและคดีการเมืองที่ยังไม่นิ่งอาจทำให้ดัชนีผันผวน ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าในช่วงที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ก็เริ่มเบิกจ่ายได้มากขึ้น จึงน่าจะหนุนดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ โดยมองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,443 จุด มี upside ประมาณ 10% ส่วนแนวรับ 1,215 จุด (บนสมมติฐานนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ และคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ระดับ 92 บาท/หุ้น สูงขึ้นมาเล็กน้อยจากต้นปีที่ผ่านมา จึงมองตลาดหุ้นไทยน่าจะดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4 จากปกติไตรมาส 3 ไม่ค่อยดี แต่ก็เป็นจังหวะซื้อสะสม หากถือหุ้นอยู่แล้วก็ถือต่อได้”นางสาววรรณจันทร์ กล่าว
บลจ.ยูโอบี คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวต่ำกว่าคาดและมีการฟื้นตัวที่ไม่ครอบคลุมทุกภาคเศรษฐกิจ โดยปัจจัยหลักที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ได้แก่ ภาคการท่องเที่ยวซึ่งฟื้นตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้น และการใช้จ่ายภาครัฐที่เริ่มเบิกจ่ายได้เพิ่มขึ้นหลังจากการผ่านบประมาณประจำปี
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังเผชิญปัญปัญหาเชิงโครงสร้างเริ่มส่งสัญญาณในเชิงลบมากขึ้น โดยเฉพาะภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญการแข่งขันจากต่างประเทศที่มีความสามารถเชิงแข่งขันสูงกว่า และผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดโลกมากกว่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคการส่งออก เศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงและการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทยจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเข้มขันเพื่อพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับคืนมา ซึ่งกระบวนการปรับตัวนี้จำเป็นต้องใช้เวลา
นอกจากนี้ภาคครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็กยังประสบปัญหาระดับหนี้สินอยู่ในระดับสูงและจำเป็นต้องลดระดับหนี้ลง จึงส่งผลกระทบให้กำลังซื้อเพื่อใช้จ่ายบริโภคอุปโภค รวมถึงการลงทุนลดลง ประกอบกับสถาบันการเงินเริ่มได้รับผลกระทบจากระดับหนี้เสีย Non-Performing Loan (NPL) ที่เพิ่มขึ้น จนจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้นในการให้กู้ยืม ส่งผลให้ภาวะการเงินของภาคครัวเรือนและธุรกิจขนาดกลาง-เล็กตึงตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปล่าสุดของเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.6% บลจ.ยูโอบี คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปดังกล่าวจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีและอยู่ในช่วง 1.0-1.5% จากราคาพลังงาน และสารณูปโกค แม้ว่าราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มลดลงจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ทางด้านอัตราเงินเพื่อพื้นฐานนั้นมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นช่วงครึ่งหลังของปีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 1% ยังถือเป็นระดับที่มีความกดดันต่อเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ และจากอัตราดอกเบี้ยของประเทศขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะปรับลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี จะส่งผลกดดันต่อเงินทุนเข้าออก และค่าเงินบาทซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงเกินไป จึงคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับลดอัดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในช่วงเดือนธ.ค.67
นางสาววรรณจันทร์ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี แม้ว่าเศรษฐกิจหลักของโลกอย่างสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่การชะลอตัวลงดังกล่าวคาดว่าจะไม่รุนแรงถึงระดับภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง (Hard Landing) ทั้งนี้ หากธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มดำเนินการลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ก็จะช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง เพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดทุนโดยรวม และทำให้สภากาวะเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะสมดุลได้
สำหรับเศรษฐกิจของยุโรปมีการฟื้นตัวดีกว่าที่คาดไว้หลังจากประสบภาวะเศรษฐกิจดดดอยเล็กน้อย (Mld recession) โดยธนาคารกลางยุโรปมีการปรับดอกเบียนโยบายลงหลังทิศทางเงินเพื่อในยุโรปลดลง
สำหรับมุมมองทิศทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศฝังเอเชีย ตัวเลขเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่ดีขึ้นและเริ่มส่งสัญญานพื้นตัวโดยเฉพาะภาคอุตสาทกรรมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ จากภาครัฐตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ระดับราคาหันเอเรียที่ยังไม่แพงเมื่อเทือบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจต่อการลงทุนในภูมิภาคและอาจดึงดูดเม็ดเงินให้ไหลกลับสู่ตลาดเชียหากธนาคาคารกลางสหรัฐปรับดอกเบี้ยนโยบายลงและค่าเงินในภูมิภาคเอเชียมีเสถียรภาพมากขึ้น
บลจ.ยูโอปี จึงมีมุมมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในกรณีที่พื้นฐาน (Base Case) จะเป็นในลักษณะที่มีการชะลอตัวแบบไม่รุนแรง (Soft Landing) ซึ่งการบริหารความเสี่ยงท่ามกลางสภาวะที่มีความไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และนักลงทุนไม่ควรที่จะกลัวการลงทุนมากไป พร้อมแนะนำเน้นการคัดสรรรหลักทรัพย์ที่จะลงทุนและการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนควบคู่กันไปด้วย
“บลจ.ยูโอบี แนะนำให้ปรับลดน้ำหนักการถือครองเงินสดและเพิ่มลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนทั่วโลก เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจในช่วงวัฏจักรดอกเบี้ยนโยบายชาลง โดยเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ระดับ Investment Grade ที่มีคุณภาพ เพื่อลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ในระยะยะข้างหน้าที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว ในขณะเดียวกัน บลจ. ยูโอปี มีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มประเทศเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีนที่แม้ว่าจะมีมูลค่าที่น่าสนใจ แต่ตลาดได้รับรู้ปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว และการฟื้นตัวในระยะข้างหน้ายังต้องเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้น”นางสาววรรณจันทร์ กล่าว
ด้านนายกุลฉัตร จันทวิมล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี แนะนำการจัดพอร์ตการลงทุนว่า ปัจจัยที่ต้องติดตาม มีดังนี้
1. ผลของการดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวและการปรับลดการสนับสนุนด้านการคลังในช่วงปีที่ผ่านมาจะเริ่มสะท้อนให้เห็นในภาคส่วนต่างๆ ซึ่งทำให้จัดสรรการลงทุนต้องมีความระมัดระวังเพิ่มเติม
2. อัตราเงินเพื่อที่แม้ว่าจะปรับตัวลดลงแล้วแต่ต้องติดตามดูพัฒนาการว่าจะสามารถปรับตัวลดลงได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่
3. ความเสี่ยงด้านการเมืองที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของ การเลือกตั้งของสหรัฐฯ, การเปลี่ยนแปลงขั้วทางการเมืองในฝั่งยุโรป) รวมถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนได้
พร้อมกันนี้แนะนำ กองทุนเด่น 7 กองทุน ดังนี้
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลความเสี่ยงของตลาดหรือต้องลงทุนในระหว่างรอจังหวะการลงทุน แนะนำ กองทุนรวมตลาดเงิน คือ กองทุนเปิด ไทย แคซ แม่เพจเม้นท์ (TOMF) ระดับความเสี่ยง ที่มีนโยบายมุ่งเน้นลงทุนหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ และ/หรือเงินฝาก หรือตราสารเทียบเท่าเงินฝาก โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ทั้งหนี้ทั้งภาครัฐ และ/หรือภาครัฐวิสาหกิจ ที่มีความมันคงและมีสภาพดดดล่องสูงเป็นหลัก
หากสามารถรับความเสี่ยงและต้องการกระแสรายได้จากการลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก แนะนำลงทุนในกองทุนเปิด ยูไนเด็ด โกลบอลอินคัม สตราที่จิค บอนด์ ฟันด์ (UGIS) และกองทุนเปิด ยูในเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิคบอนด์ เอฟเอ็กซ์ ฟันด์ (UGISFX) ระดับความเสียง 5 ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อ PIMICO GIS Income Fund (Class I) (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ซึ่งกองทุนหลักมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกระแสรายได้ในระดับสูงโดยการบริหารการลงทุนอย่างรอบคอบ และมีวัตถุประสงค์ในการสร้างการเติบโตของเงินลงทุนในระยาว มีหลัหลักการกระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้ประบาททต่าง ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก โดยกองทุน UGIS มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ
ส่วนกองทุน UGISFX อาจพิจารณาลงทุนใน Donvative เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน ซึ่งรวมถึงการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX Hedging) หรือไม่ก็ได้ โดยขึ้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวจากการลงทุนแบบผสมทั้งในหุ้น ตราสารหนี้ แนะนำ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลบอล แอลโลเคชั่น ฟันด์ (UOBSGA) ระดับความเสี่ยง 6 ลงทุนต่างประเทศ ชื่อ BGF Global Allocation Fund ที่จดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปเพียงกองทุนเดียว โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในตราสารทุนและตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนในต่างประเทศทั่วโลกในสภาวการณ์ปกติไม่น้อยกว่า 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งมีการบริหารจัดการโดย BlackRook (Lukembourg) S.A. กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวจากการลงทุนในหุ้น แนะนำลงทุนในอุตสาหกรรมที่ได้รับปัจจัยบวกจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ได้แก่ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด อิควิตี้ ซัสเทนเนเบิล โกลบอล ฟันด์ (UESG) ระดับความเสี่ยง 6 กองทุนลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อ Robeco Sustainable Global Stars Equities IL EUR (neงทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทสุทธิของกองทุน
ซึ่งกองทุนหลักมีวัตถุประสงค์การลงทุนมุ่งหวังหวังสร้างตอบแทนที่ดีในระยะยาวและส่งเสริมการลงทุนด้าน ESG โดยกองทุนหลักมีการนำปัจจัยด้าน ESG เข้ามาพิจารณาการลงทุน (ESG integrated) กองทุนมีการป้องกันความเสียงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โรโบติกส์ & อาร์ติฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ อีทีเอฟ (UBOT) ระดับความเสี่ยง 6 กองทุนลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อ Global X Robotics & Artificial Intelligence ETF (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งกองทุนหลักเป็นกองทุนรวมประเภท ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐอเมริกา กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ
กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เอเชีย (UOBSA) ระดับความเสี่ยง 6 ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ คือ กองทุน United Asia Fund Class T SGD Acc กองทุนหลักจัดตั้งและบริหารจัดการโดย UOB Asset Management (Singapore) มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก โดยกองทุนหลักใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรุก (active management)
และกองทุนหลักมีการนำ AI-Augmentation เข้ามาเป็นเครื่องมือร่วมกับการบริหารของผู้จัดการกองทุน เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน
ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจสามารถปรึกษาการลงทุนและขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคาร ยูโลปี จำกัด (มหาชน) หรือ บลจ.ยูโอบี โทร. 0-2786-222 หรือเลือกทำรายการผ่านบริการออนไลน์ Premier Online หรือผ่านแอปพลิเคชัน UOBAM Invest Thaland และสำหรับผู้ลงทุนใหม่สามารถเปิดบัญชีกองทุนองทุนออนไลน์และลงทุนได้ทันที ผ่านแอป UOBAM Invest Thailand หรือคลิกที่ https://www.uobam.co.th/th/Channel/OpenAccountnew