ดีลอยท์ฯชี้บริษัททำ PDPA ภาพดีขึ้น แนะการ์ดอย่าตกเตรียมรับกม.รอง

HoonSmart.com>>ดีลอยท์ เผยผลสำรวจองค์กรหลังทำ PDPA ปี 2567 พบประโยชน์ที่มากกว่าแค่การทำตามกฎหมาย ความเชื่อมั่นเพิ่ม แบรนด์ดี แนะการ์ดอย่าตกเตรียมพร้อมรับมือกม.รอง

บริษัท ดีลอยท์ ประเทศไทย เผยผลสำรวจองค์กรหลังทำ PDPA (Personal Data Protection Act) พบประโยชน์ที่มากกว่าแค่การปฏิบัติตามกฎหมาย

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้องค์กรปฏิบัติตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) คือ โอกาสที่จะเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง และการสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นแล้ว ยังพบประโยชน์ด้านการสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ภาคธุรกิจให้ความสำคัญสูงสุด 

ในขณะที่ความกังวลว่าจะถูกปรับหรือถูกดำเนินการทางกฎหมาย ถูกลดความสำคัญลงมาเป็นอันดับ 3 จากที่เคยอยู่อันดับ 1

องค์กร 72% เชื่อมั่นว่าแนวปฏิบัติที่ทำอยู่ สอดคล้องกับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากมีการดำเนินการตามข้อบังคับ และมีการประเมินความพร้อมของตนเองอย่างสม่ำเสมอ 

องค์กรส่วนใหญ่ตระหนักถึงความสำคัญของการอบรมให้พนักงานมีความรู้และตื่นตัว ระมัดระวังเรื่อง PDPA โดยเฉพาะการเก็บรักษาข้อมูลลูกค้า 

การป้องกันข้อมูลรั่วไหล (Data Leakage Prevention) เป็นเรื่องที่ได้รับงบประมาณ และ ความสำคัญในเชิงเทคโนโลยีสูงที่สุดในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในองค์กร  

นายแอนโทนี่ วิเศษ โลห์ พาร์ทเนอร์ บริการที่ปรึกษาด้านภาษีและกฎหมาย ดีลอยท์ ประเทศไทย  กล่าวว่า หลังจากที่ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลบังคับใช้ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้ออกประกาศและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องตามมาหลายฉบับ ภาคธุรกิจโดยเฉพาะองค์กรที่อยู่ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลควรตื่นตัวในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนและนำแนวปฏิบัติดังกล่าวไปใช้ในการปฏิบัติตามภาระหน้าที่ของตนภายใต้กฎหมาย ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ควรติดตามประกาศเพิ่มเติมจากคณะกรรมการฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะเตรียมตัวรับมือกับการออกกฎหมายลำดับรองที่สำคัญต่าง ๆ

นายศมกฤต กฤษณามระ พาร์ทเนอร์ บริการที่ปรึกษาด้านความเสี่ยง ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าผลสำรวจแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาในมิติต่าง ๆ แต่ก็ยังคงมีข่าวเรื่องของอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลให้ได้ยินอยู่เสมอ จึงไม่สามารถปล่อยให้การ์ดตกได้ การป้องกันที่ได้ผลต้องเกิดจากความเข้าใจและการสอดประสานที่ดี ทั้งด้านบุคลากร ระบบ และ เทคโนโลยี

ดร.นเรนทร์ ชุติจิรวงศ์ ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่าย Clients & Markets ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวว่า ดีลอยท์ได้ทำการสำรวจความพร้อมขององค์กรต่อ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าใจมุมมองของผู้บริหารภาคธุรกิจต่อกฎหมายฉบับนี้ในช่วงเวลาต่างๆ ผลจากการสำรวจทำให้เราได้เห็นภาพรวมของสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มการพัฒนาแนวปฏิบัติที่เหมาะสมในอนาคต ซึ่งมีความสำคัญต่อการกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ