ดาวโจนส์ปิดลบ 102 จุด ประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อ

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 102 จุด แรงขายกลุ่มเทคนำ หลังเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อภายในปีนี้ ดับความหวังนักลงทุนว่าวงจรขึ้นดอกเบี้ยจะสิ้นสุดลง ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดร่วง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 21 มิถุนายน 2566 ที่ 33,951.52 จุด ลดลง 102.35 จุด หรือ 0.30% นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีหลังนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อภายในปีนี้ ซึ่งดับความหวังของนักลงทุนที่ว่าวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะสิ้นสุดลง
      
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,365.69 จุด ลดลง 23.02 จุด, -0.52%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,502.20 จุด ลดลง 165.09 จุด, -1.21%
     
นายพาวเวลล์ แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรว่า เฟดจะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ “กรรมการของเฟดเกือบทั้งหมดมองว่าเป็นการเหมาะสมที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกภายในสิ้นปีนี้”

นายพาวเวลล์ยังกล่าวอีกว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยยังจำเป็นต่อการดึงเงินเฟ้อลงมาที่เป้าหมาย 2% โดยการปรับขึ้นอีก 2 ครั้งภายในปีนี้คือว่าเป็นการคาดการณ์ที่ค่อนข้างดี
      
ในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว เฟดคงอัตราดอกเบี้ย และคาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งครั้งละ 0.25% ภายในสิ้นปีนี้ ทำให้ตลาดให้น้ำหนัก 80% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนกรกฎาคม

โจ กิลเบิร์ต ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Integrity Asset Management กล่าวว่า การแถลงของนายพาวเวลล์สอดคล้องกับแถลงการณ์ของเฟด โดยย้ำว่าอัตราเงินเฟ้อเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับหนึ่ง และเฟดต้องควบคุมเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับระบบและการเติบโตอย่างมั่นคงของเศรษฐกิจ แต่ก็ยังคงเปิดทางเลือกไว้ โดยพิจารณาข้อมูลการจ้างงานและ CPI ก่อนการประชุมเฟดครั้งหน้า

นักลงทุนจับตาการแถลงของนายพาวเวลล์ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพฤหัสบดี รวมทั้งจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลง โดยหุ้นเทคโนโลยี AI และผู้ผลิตชิปลดลง หุ้นอินเทล และหุ้น AMD ต่างลดลงราว 6% หุ้นNvidiaลดลง 1.7% หุ้นอัลฟาเบทและหุ้น Netflix ต่างลดลงกว่า 2%

หุ้นแอมะซอนลดลง 0.8% หลังจากคณะกรรมการการค้า( Federal Trade Commission) ฟ้องบริษัทเมื่อวันพุธ โดยกล่าวหาว่าแอมะซอนหลอกลวงผู้บริโภคหลายล้านคนให้สมัครสมาชิก Prime แล้วไม่ยอมให้ยกเลิก

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยมากที่สุด ปรับขึ้นมาที่ 4.7%

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีนว่า ทรราช ซึ่งกระทบต่อความพยายามของทั้งสองฝ่ายที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีหลังนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดต่อไป ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลงด้วยความกังวลต่อต้นทุนเงินกู้จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ยังสูงขึ้น หลังเงินเฟ้ออังกฤษเดือนพฤษภาคมยังไม่ลดลง

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 457.01 จุด ลดลง 2.31 จุด, -0.50%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,559.18 จุด ลดลง 10.13 จุด, -0.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,260.97 จุด ลดลง 33.20 จุด, -0.46%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,023.13 จุด ลดลง 88.19 จุด, -0.55%

นายพาวเวลล์แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรว่า การต่อสู้กับเงินเฟ้อยังคงอยู่อีกนาน และแม้จะคงดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด แต่กรรมการเฟดเห็นพ้องว่ายังต้องปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ลดลง 1.6% หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 1.6%

อังกฤษรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 8.7% ก่อนการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดีนี้ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 13 ติดต่อกัน

ข้อมูลเงินเฟ้อบ่งชี้ว่า การต่อสู้กับเงินเฟ้อของธนาคารกลางประเทศหลักๆ ยังไม่สิ้นสุดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีของรัฐบาลเยอรมนีเพิ่มขึ้น แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม

เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) 2 รายที่เป็นตัสแทนจากเยอรมนีระบุว่า เงินเฟ้อของยูโรโซนยังอยู่ในระดับสูง และอาจต้องใช้อัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดแรงงานที่ตึงตัวมาก

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 1.88% ปิดที่ 72.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.61% ปิดที่ 77.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล