ดาวโจนส์ปิดลบ 245 จุด จับตาประธานเฟดแถลงต่อสภาคองเกรส

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 245 จุด นักลงทุนชะลอการซื้อขาย จับตาการแถลงของ พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรส เพื่อหาสัญญาณว่าจะกลับมาปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.28 ดอลลาร์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 21 มิถุนายน 2566 ที่ 34,053.87 จุด ลดลง 245.25 จุด หรือ 0.72% นักลงทุนชะลอการซื้อขายขณะที่รอด้วยความวิตกต่อการแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจรอบครึ่งปีของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสในวันพุธและพฤหัสบดีนี้

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,388.71 จุด ลดลง 20.88 จุด, -0.47%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,667.29 จุด ลดลง 22.28 จุด, -0.16%

กลุ่มพลังงานนำการปรับลดลงในดัชนี S&P 500 โดยลดลงกว่า 2%

นักลงทุนจับตาการแถลงของ พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรส เพื่อหาสัญญาณว่าจะกลับมาปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่

เซบาสเตียน เพจ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ T Rowe Price ให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์กทีวีว่า ในระยะสั้น 6-12 เดือน ยังมีอุปสรรคต่อตลาด หุ้นกลุ่มเติบโต โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ รวมถึง รายได้และการโฆษณา เช่นเดียวกับ ปัญญาประดิษฐ์ แต่เส้นทางของนโยบายการเงินของสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งปัจจัย โดยนายเพาเวลล์ จะนำเสนอรายงานรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในวันพุธนี้

นอกจากนี้นักลงทุนยังรอผลการประชุมนโยบายการเงินในอังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ และตุรกี      นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของจีน แม้ธนาคารกลางจีนปรับดอกเบี้ย แต่ไม่ได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่น

เมื่อวันอังคารธนาคารกลางจีน (PBOC) ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลง 0.10% สู่ระดับ 3.55% จากระดับ 3.65% และลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีลง 0.10% สู่ระดับ 4.2% จากระดับ 4.3% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 10 เดือน

กระทรวงพาณิชย์รายงาน ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นมาที่ 1.63 ล้านยูนิตสูงสุดในรอบ 13 เดือน และสูงกว่า 1.39 ล้านยูนิตที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.49 ล้านยูนิตสูงกว่า 1.42 ล้านยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาด

หุ้นไนกี้ ลดลง 3.6% หลังจากนักวิเคราะห์มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจะได้รับผลกระทบจากสต็อกที่มีปริมาณมาก

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากการลดลงของหุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวกับจีนลง หลังธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อย จึงไม่สามารถเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนในหุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวกับจีนได้ แต่หุ้นกลุ่ม defensive ช่วยไม่ให้ตลาดลดลงมาก ดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้น

หุ้นซาโนฟีบริษัทเวชภัณฑ์ของฝรั่งเศส บวก 3.7% หนุนดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์

หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ลดลง 0.9% หลังหุ้น Lanxess บริษัทผลิตเคมีภัณฑ์ของเยอรมนีร่วง 15.4% สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี หลังปรับลดคาดการณ์ผลกำไรไตรมาส 2 และของทั้งปี โดยชี้ว่าความต้องการไม่ฟื้นตัวในเดือนมิถุนายน เนื่องจากลูกค้ายังคงลดสต็อก

เมื่อวันอังคารจีนลดดอกเบี้ยอ้างอิง ซึ่งนัลงทุนวิตกว่าน้อยเกินไปที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่การฟื้นตัวชะลอลง และคอยว่าจะมีมาตรการกระตุ้นในวงกว้าง

หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานที่มีธุรกิจเกี่ยวกับจีนลดลง 2.2% หุ้นหลุยส์วิตตอง ลดลง 0.9% while

หุ้นยูบีเอส กรุ๊ป ลดลง 2.4% หลังมีรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า ธนาคารจะเจอกับโทษปรับหลายร้อยล้านดอลลาร์ จากการดำเนินงานที่ผิดพลาดของเครดิตสวิสที่เกี่ยวกับ Archegos Capital

นักลงทุนจับตาการายงานเงินเฟ้อของอังกฤษในวันพุธ และการประชุมนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษในวันพฤหัสบดี รวมทั้งรอการแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสในวันพุธและพฤหัสบดีนี้

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 459.32 จุด ลดลง 2.72 จุด, -0.59%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,569.31 จุด ลดลง 19.17 จุด, -0.25%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,294.17 จุด ลดลง 19.88 จุด, -0.27%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,111.32 จุด ลดลง 89.88 จุด, -0.55%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 1.28 ดอลลาร์ หรือ 1.78% ปิดที่ 70.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 71 เซนต์ หรือ 0.93% ปิดที่ 75.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล