GUNKUL แจงไม่ทราบเหตุหุ้นร่วง ขอให้นลท.เชื่อมั่น ยันพื้นฐานไม่เปลี่ยน

HoonSmart.com>> กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) แจงไม่ทราบสาเหตุกดราคาหุ้นลดลง ยืนยันธุรกิจไม่มีการเปลี่ยนแปลง ครึ่งปีแรกผลการดำเนินงานยังเติบโตจากธุรกิจพลังงานและงาน EPC หนุน ล่าสุดคว้างานใหม่ 2 โครงการ งานอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าจากกฟภ.-กฟน.มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท ฟาก “โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์” ขอให้นักลงทุนเชื่อมั่นธุรกิจยังเติบโต พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตตามแผน

นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ไม่ทราบถึงสาเหตุที่มีแรงเทขายหุ้น GUNKUL ออกมาจนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานหรือผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังไม่มีการการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่มีผลกระทบเชิงลบจนส่งผลต่อราคาหุ้น

ทั้งนี้ ภาพรวมของผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจพลังงานทดแทนในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งหันมาติดตั้งโซลาร์เพื่อใช้งาน ในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น เหตุเนื่องจากเป็นการลดต้นทุนจ่ายซื้อค่าไฟฟ้าจากภาครัฐ และมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ส่งผลให้ธุรกิจด้านพลังงานทดแทนในภาคเอกชนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น

“บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามแผนที่ได้วางไว้อย่างเต็มที่และมองหาโอกาสการลงทุน รวมถึงเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมทั้งจากภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และล่าสุดบริษัทยังได้รับงานจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวง มูลค่า 700 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีงาน backlog อยู่ในมือเพิ่มมากขึ้น จากรายละเอียดดังกล่าวข้างต้น ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งในส่วนของรายได้และกำไรยังมีการเติบโตต่อเนื่อง จึงอยากให้ผู้ถือหุ้น รวมถึงนักลงทุน มั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และผลการดำเนินงานที่เติบโตของกลุ่มบริษัท เพราะเรายังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายงานในส่วนภาครัฐและเอกชน ที่มีการขยายตัวด้านพลังงานทดแทนและระบบสายส่งไฟฟ้า รวมทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท “นางสาวโศภชา กล่าว

ด้านหุ้น GUNKUL วานนี้ 24 ก.ค.2567 ปิดที่ 2.04 บาท ลดลง 0.22 บาท หรือ -9.73% มูลค่าการซื้อขาย 213.90 ล้านบาท จากราคาเปิด 2.28 บาท แตะสูงสุด 2.30 บาทและลงไปต่ำสุด 2 บาท

ขณะที่วันก่อนหน้า 23 ก.ค. ปิดร่วง 8.13% ที่ 2.26 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 104.77 ล้านบาท