ดิจิทัลวอลเล็ตเริ่มหมุนศก.Q4 แนะทยอยซื้อหุ้นค้าปลีก

HoonSmart.com>> “ดิจิทัลวอลเล็ต” เปิดให้ประชาชนลงทะเบียน 1 ส.ค.-15 ต.ค.67 “พิชัย ชุณหวชิร”คุยสร้างพายุหมุน 4 ลูกให้เศรษฐกิจขยายตัว คลังคาดหนุนปี 68 เพิ่ม 1.2-1.8% มีผู้ใช้สิทธิ์ 45 ล้านคน ซื้อขายสินค้า 878 อำเภอ  คาดมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 2 ล้านร้านค้า เริ่มใช้จ่ายได้ในไตรมาส 4/67  บล.หยวนต้ามองTimeline เริ่มชัดเจนมากขึ้น แนะหุ้นได้ประโยชน์ CPALL, CPAXT, GLOBAL, DOHOME, OSP, CBG บล.กรุงศรีชวนทยอยซื้อ CPALL, CPAXT, BJC, OSP 

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานการแถลงรายละเอียดความคืบหน้าโครงการเติมเงิน10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ตว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะช่วยทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ 4 ลูก คือ 1.ระหว่างร้านค้าขนาดเล็กกับประชาชน 2.ร้านค้าเล็กกับร้านค้าใหญ่ 3.ร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ 4.เกิดการซื้อขายโปร่งใส่กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยประชาชน

โครงการเติมเงิน 10,000 บาทนี้ เป็นสิ่งจำเป็น แต่จะต้องแก้วิกฤติควบคู่กับการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งการปรับเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วย

“การใช้จ่ายในโครงการนี้จะทำให้เกิดการกระจายตัวของเม็ดเงิน อยากจะให้กระจายสู่จุดที่เล็กที่สุดก่อน ซึ่งการใช้จ่ายครั้งแรกอยู่ในเขตอำเภอ 878 อำเภอ ตอนแรกอยากให้อยู่ในตำบล แต่พบว่าบางพื้นที่ที่อาจจะไม่มีสินค้าและบริการ โดยมีผู้ใช้สิทธิ์ 45 ล้านคน”นายพิชัยกล่าว

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท จะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในปีนี้ แต่อาจไม่เต็มที่มากนัก เนื่องจากโครงการออกมาในช่วงไตรมาสสุดท้ายคาดผลที่เห็นได้จริง ๆ จะเกิดขึ้นในปี 2568 ซึ่งกระทรวงการคลัง เคยประเมินว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจราว 1.2-1.8%

สำหรับแหล่งเงินที่ใช้ดำเนินโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต นั้น จะใช้งบประมาณรวม 450,000 ล้านบาท มาจากวงเงินงบประมาณปี 2567 จำนวน 165,000 ล้านบาท มาจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมจำนวน 122,000 แสนล้านบาท และการบริหารจัดการงบประมาณอีกจำนวน 43,000 ล้านบาท ควบคู่กับวงเงินงบประมาณปี 2568 จำนวน 285,000 ล้านบาท มาจากงบรายจ่าย  152,700 ล้านบาท และการบริหารจัดการงบประมาณอีก 132,300 ล้านบาท

ด้านรัฐบาลจะเปิดลงทะเบียนประชาชนทั่วไปตั้งแต่ 1 ส.ค.-15 ต.ค.2567 โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ผู้ที่มีสมาร์ทโฟน ระหว่างวันที่ 1 ส.ค.-15 ก.ย.2567 ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” 2.กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน  จะให้มีการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด ระหว่างวันที่ 16 ก.ย.-15 ต.ค.2567 ส่วนร้านค้าเปิดให้ลงทะเบียนเบื้องต้นกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. คาดว่าจะมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 2 ล้านร้านค้า คาดการใช้จ่ายในโครงการฯ เริ่มภายในไตรมาส 4/2567

ส่วนสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ  ยกเว้นสินค้า Negative List ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม ผลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม บัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชร พลอย อัญมณี น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณาแก้ไขปรับปรุงรายการสินค้า Negative List เพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ การใช้จ่ายภายใต้โครงการฯ จะไม่รวมถึงบริการต่าง ๆ

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองเป็นกลางเชิงบวก Timeline เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมีโอกาสฟื้นตัวตั้งแต่กลางไตรมาสที่่ 3  กลุ่มที่ได้ประโยชน์ ค้าปลีก อาหารเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น  CPALL, CPAXT, GLOBAL, DOHOME, OSP, CBG เป็นต้น

บล.กรุงศรีแนะน่าทยอยสะสมหุ้นที่ได้ประโยชน์  อาทิ CPALL, CPAXT, BJC, OSP   อย่างไรก็ตามระยะสั้นมองมีโอกาสตลาดอาจจะผิดหวัง เนื่องจากไม่มีประเด็นใหม่ที่มีนัยสำคัญ

ส่วนสินค้าที่สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ ยกเว้นสินค้า Negative List ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม ผลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม บัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชร พลอย อัญมณี น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณาแก้ไขปรับปรุงรายการสินค้า เพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ การใช้จ่ายภายใต้โครงการฯ จะไม่รวมถึงบริการต่าง ๆ