HoonSmart.com>> 5 โบรกเกอร์แนะนำ 14 หุ้นได้อานิสงส์จากเทรนด์ดอกเบี้ยขาลง บอนด์ยีลด์ เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลง เงินบาทแข็งค่า เป็นผลทางจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า, กลุ่มไฟแนนซ์, อิเล็กทรอนิกส์, ค้าปลีก, อสังหาฯ, กอง REIT หุ้นที่มีหนี้สูง เชียร์ DELTA, KCE, HANA, GULF, GPSC, BGRIM, MTC, CPN, AP, SAWAD, CPNREIT, CPAXT, CPALL, BE8 ส่วนกลุ่มแบงก์อาจต้องพักก่อน ด้านดอกเบี้ยไทยยังไม่ลงในปีนี้ ได้ Digital Wallet ช่วยปลายปี
น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไทยจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เพราะแบงก์ชาติมองสัญญาณเงินเฟ้อจะขยับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะหาก Digital Wallet มา จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นไปอีก ส่วนธนาคารสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วในเดือนก.ย.นี้ อาจปรับลดได้ถึง 2 ครั้งในปีนี้ ทำให้แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์ ) และเงินดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวลงด้วย
หุ้นที่น่าจะได้อานิสงส์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลงในต่างประเทศ ได้แก่กลุ่มเทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง DELTA, KCE, HANA และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีหนี้จากต่างประเทศ จากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า เงินบาทจะแข็งค่า แนะนำหุ้น GULF, GPSC, BGRIM ซึ่งยังได้ผลบวกจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอีกด้วย รวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์ที่จะได้รับผลดีจากดอกเบี้ยขาลง แต่กลุ่มเช่าซื้อมีปัญหาเรื่องคุณภาพสินทรัพย์อยู่ แม้ต้นทุนทางการเงินจะลดลง แต่มีความกังวลเรื่องหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ในปีนี้
อย่างไรก็ดี กลุ่มที่ไม่ชอบดอกเบี้ยขาลง คงหนีไม่พ้นกลุ่มธนาคาร คงจะได้รับ Sentiment ลบจากดอกเบี้ยขาลงในต่างประเทศ แต่ในไทยยังไม่ลดลง จึงยังไม่มีผลกระทบอะไร และกลุ่มส่งออกไม่ได้รับผลกระทบมาก ไตรมาส 3 เป็นช่วง High Season
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แม้ต่างประเทศจะอยู่ในทิศทางดอกเบี้ยขาลง แต่ไทยไม่น่าจะลดดอกเบี้ยได้จริง ยิ่งมี Digital Wallet ทำให้เศรษฐกิจเติบโต เงินเฟ้อสูงขึ้นในช่วงสั้น ค่าแรงงานที่จะสูงขึ้น และราคาดีเซลที่จะปรับขึ้น ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ดังนั้นไทยไม่จำกเป็นจะต้องลดดอกเบี้ยตาม
สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และบอนด์ยีลด์อ่อนลง เป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มชอบดอกเบี้ยต่ำ ๆ เช่น ไฟแนนซ์, อสังหาริมทรัพย์, อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงหุ้นเติบโต (Growth) ด้วย แนะนำหุ้น GPSC ราคาเป้าหมาย Consensus ให้ไว้เฉลี่ยที่ 57 บาท, หุ้น MTC ราคาเป้าหมาย 50 บาท, หุ้น CPN ราคาเป้าหมาย 83 บาท, หุ้น AP ราคาเป้าหมาย 13.20 บาท, หุ้น KCE มีอัพไซด์กว้าง แต่ชอบ HANA มากกว่า ให้ราคาเป้าหมาย 50 บาท สามารถเล่นเก็งกำไรได้ตามทิศทางดอกเบี้ยขาลง
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ 2 ครั้ง (ในเดือนก.ย. และ ธ.ค.) ทำให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวลงไปด้วย ขณะที่ไทยมองว่า กนง.อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง เพราะเศรษฐกิจไทยค่อนข้างอ่อนแอ และเงินบาทอ่อนค่าด้วย คาดปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
“รอบนี้ดอกเบี้ยปรับลงอาจจะไม่กระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไร เพราะดอกเบี้ยควรจะลงเร็วกว่านี้ การลดดอกเบี้ยข้า มองเศรษฐกิจอาจจะยังไม่ดี ถ้าเร่งลดดอกเบี้ยตลาดก็จะตีความว่าเห็นเศรษฐกิจไม่ดีหรือเปล่า แต่ถ้าค่อย ๆ ลดดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป จะดี ดอกเบี้ยลดไม่ได้ทำให้หุ้นไทยดีขึ้น เพราะเงินไหลเข้าเอเชีย เช่นเกาหลีใต้, อินเดีย, ไต้หวัน เป็นต้น แต่ไม่เข้า Emerging Market รวมถึงตลาดไทยด้วย เพราะกำไรต่อหุ้น (EPS)ไม่โต ปีนี้ฝ่ายวิจัยคาด EPS ไว้แค่ 90-91 บาท ให้เป้าดัชนี SET ไว้ที่ 1,540 จุด คิดเป็น P/E 14-15 เท่า แต่คิดว่าโอกาสที่จะขึ้นไปถึงเป้าที่วางไว้คงทำได้ยาก อาจมีการทบทวนเป้าลงอีกครั้ง”นายเบญจพลกล่าว
สำหรับหุ้นที่แนะนำในเทรนดอกเบี้ยขาลงมองเป็นหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็น Defensive ด้วย แนะนำหุ้น GPSC ราคาเป้าหมาย 70 บาท, BGRIM ราคาเป้าหมาย 38 บาท สามารถทยอยเก็บเข้าพอร์ตได้แล้ว
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า น้ำหนักการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนก.ย.มีถึง 90% ซึ่งมองครั้งเดียว ส่วนไทยยังไม่น่าจะปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ เพราะมี Digital Wallet ส่วนเงินบาทปีนี้เฉลี่ยมองไว้ที่ 36.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่ากว่าปี 2566 ที่เงินบาทจะอยู่แถว 35 บาทปลาย ๆ ซึ่งทำให้ Fund Flow ยังไหลออก
ดังนั้นภาพรวมต่างประเทศจะทยอยปรับลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ หุ้นที่น่าจะได้รับอานิสงส์ดอกเบี้ยลง เป็นหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์, โรงไฟฟ้า และกอง REIT จะกลับมา จึงแนะนำหุ้น SAWAD, GPSC, GULF, BGRIM และ CPNREIT ส่วนกลุ่มธนาคารอาจจะต้องหลีกเลี่ยงก่อน เพราะไม่ชอบดอกเบี้ยขาลง NIM จะทยอยปรับลง
บล.กรุงศรี ยังคงมุมมองบวกต่อ SET Index เตรียมเข้าสู่ Bull Cycles มองเป้าหมาย ณ สิ้นปีที่ 1,540 จุด คาดกำไรตลาดปี 2567 ที่ 90 บาท/หุ้น PER ที่ 17.1 เท่า มองปัจจัยบวก คือ ทิศทางเม็ดเงินหนุนตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไปจะมาจาก Long term Fund ทั้งกองทุน ThaiESG ใหม่ ฯลฯ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยไทยมีโอกาสปรับลงตามต่างประเทศ นอกจากนี้ Valuation ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันจูงใจ รวมถึงเงินบาทดอลลาร์ระยะสั้นมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องเป็นจิตวิทยาบวกต่อ Fund Flow ต่างชาติไหลเข้า
กลยุทธ์จากทิศทางดอกเบี้ยฯที่เป็นขาลง ผสานกับเงินบาทแข็งค่าเร่งระยะสั้น บวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF (ราคาเป้าหมาย 45.5 บาท), กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เน้น HANA (ราคาเป้าหมาย 38.5 บาท และDELTA (แนะเทรดดิ้ง), เช่าซื้อ เน้น MTC (ราคาเป้าหมาย 55 บาท), กลุ่มหนี้สูง CPAXT (ราคาเป้าหมาย 39 บาท) และ CPALL (ราคาเป้าหมาย 80) รวมถึง TRUE (ราคาเป้าหมาย 10.3 บาท), กลุ่ม Tech Consult เน้น BE8 (ราคาเป้าหมาย 21 บาท)