Z.com เพิ่มทุน 400 ล้านบ. เสริมแกร่งการเงิน ย้ำเลิกมาร์จิ้น 20 ธ.ค.นี้

HoonSmart.com>> Z.com เพิ่มทุนอีก 400 ล้านบาท เป็นมากกว่า 3,279.99  ล้านบาทเสริมการเงินแข็งแกร่ง  บอร์ดเชื่อจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ ย้ำยุติธุรกิจมาร์จิ้นตามกำหนดเดิม 20 ธ.ค.นี้ ทำหนังสือแจ้งให้ลูกค้ามาปิดบัญชีก่อนวันครบกำหนด ด้านหุ้นบวก 0.25% ต่างชาติขายมากกว่า 2 พันล้านบาท คลังเล็งใส่เงิน 1-1.5 แสนล้านบาทเข้ากองทุนวายุภักษ์เดิม ต.ค.นี้ อัดฉีดได้เร็วกว่าตั้งกองใหม่ 

บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) หรือ Z.com ประกาศหน้าเว็บไซต์ วันที่ 5 ก.ค.2567 โดยนายประกฤต ธัญวลัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Z.com เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 8/2567 เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนและชำระแล้วจำนวน 400 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับบริษัทฯ

ทั้งนี้ บล. Z.com ได้ดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์แล้วเสร็จในวันที่ 9 ก.ค. 2567 โดยมีทุนจดทะเบียนเพิ่มทุนจาก 2,880 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้วจำนวน 3,279,999,993.60 บาท คณะกรรมการบริษัทฯเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในธุรกิจหลักทรัพย์ไทยได้

นอกจากนี้บริษัทฯได้ตัดสินใจยุติการให้บริการในส่วนของบัญชีมาร์จิ้นทั้งหมด ในวันที่ 20 ธ.ค.2567 ซึ่งบริษัทฯจะส่งหนังสือแจ้งนักลงทุนเกี่ยวกับรายละเอียดการยุติการให้บริการในส่วนดังกล่าวต่อไป และขอให้นักลงทุนที่ใช้บัญชีมาร์จิ้น ติดต่อมายังบริษัทฯ เพื่อดำเนินการปิดบัญชีให้แล้วเสร็จก่อนวันครบกำหนด ตามที่ได้แจ้งให้ทราบในหนังสือของบริษัทฯต่อไป) ส่วนของบัญชีแคชบาลานซ์นั้น บริษัทฯยังคงให้บริการแก่นักลงทุนตามปกติ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ

สำหรับ Z.com เป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้น) รายใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งได้รับความเสียหายจากหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น (MORE)  จนไปสู่การฟ้องร้องในขณะนี้   และปัจจุบันหุ้นที่ปล่อยมาร์จิ้น ก็ถูกบังคับขาย(ฟอร์ซเซล)

ทางด้านบริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG) ถูกฟอร์ซเซลจนราคาหุ้นฟลอร์ติดต่อกันหลายวัน ก่อนดิ่งลงแรง วันที่ 1 ก.ค. ปิดที่ 3.56 บาท ทรุดลงประมาณ 46% เทียบกับวันนี้ปิดตลาดภาคเช้าที่ 1.91 บาท ติดลบ 0.04 บาทหรือ-2.05% มูลค่าซื้อขาย 78.64 ล้านบาท

ส่วนบริษัทพลังงานบริสุทธิ์(EA) บริษัท เอสพีบีแอล โฮลดิง รายงานก.ล.ต.ว่า วันที่ 27 มิ.ย. 2567 จำหน่ายหุ้น EA คิดเป็น 0.9694% คงเหลือ  23.08%  หากรวมของกลุ่มมีทั้งหมด 39.1111% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ และวันที่ 4 ก.ค. เอสพีบีแอลฯขายจำนวน 16.2 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 12.20 บาท คงเหลือจำนวน 764,940,900  หุ้น

ด้านตลาดหุ้นวันที่ 10 ก.ค.2567  ดัชนีเคลื่อนไหวบวกและลบแคบๆ ปิดที่ 1,323.28  จุดเพิ่มขึ้น 3.36 จุดคิดเป็น 0.25% มูลค่าการซื้อขายรวม 34,265.13 ล้านบาท ฝีมือของสถาบันไทยซื้อ 1,159.82 ล้านบาท ส่วนต่างชาติทิ้งมากถึง 2,047.74 ล้านบาท แต่กลับซื้ออนุพันธ์ 15,292 สัญญา กองทุนขาย 2,520 สัญญา และรายย่อยทิ้ง 12,772 สัญญา

สาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยไปไม่ไกล เนื่องจากการเมืองไม่ชัดเจน ศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่นัดวินิจฉัยคดีสว.ยื่นถอดถอนนายกฯ ปมตั้งพิชิต เป็นรัฐมนตรี นัดพิจารณาอีกครั้งวันที่  24 ก.ค.นี้ และคลังยังไม่เสนอปรับเงื่อนไขกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน(ThaiESG) เข้าครม. ในวันนี้ คาดว่าจะเสนอเข้าสัปดาห์หน้าได้

อย่างไรก็ตาม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ว่า กระทรวงการคลังได้พิจารณาแล้ว จะใช้กองทุนเดิมที่มีอยู่  คือ กองทุนวายุภักษ์ 1 และ 2 โดยจะเพิ่มเงินเข้ากองทุนอีกประมาณ 1-1.5 แสนล้าบบาท คาดว่าภายในเดือน ต.ค.นี้ จะสามารถเริ่มดำเนินการได้