AMA เพิ่มรถขนส่งน้ำมัน ปักธงปีนี้กำไรดี-ปันผลงาม

HoonSmart.com>>อาม่า มารีน เพิ่มรถขนน้ำมันอีก 30 คัน 1 ก.ย.นี้ ลุยธุรกิจโคล เชน -คลังสินค้า ดันสัดส่วนรายได้ขนส่งสินค้าทางบกเพิ่มเป็น 55% จาก 45% มั่นใจปีนี้กำไรยังดี ปันผลงาม

นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีน (AMA) เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ก.ย.2567 นี้บริษัทจะเพิ่มจำนวนรถขนน้ำมันอีก 30 คัน รวมเป็น 334 คัน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 304 คัน เพื่อรองรับความต้องการของตลาดการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง และ น้ำมันพืช ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการปรับเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขนส่งทางบกให้เป็น 55% ในอนาคต จากปัจจุบันอยู่ที่ 45% เพื่อให้เกิดความสม่ำเสมอและลดความเสี่ยงด้านรายได้ เพราะรายได้จากการขนส่งทางเรือจะมีความแกว่งตัวสูง

“ปีนี้เราคาดว่าจะมีปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำการขนส่งเพิ่มขึ้น 15% จากปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นการขนน้ำมันให้กับ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ AMA ด้วย 24% ซึ่งเริ่มขนตั้งแต่บริษัทฯมีรถ 5 คัน ซึ่งเป็นการเติบโตตามยอดขายน้ำมันของบริษัท พีทีจีฯ”นายพิศาล กล่าว

นายพิศาล กล่าวว่า นอกจากจะมีการเพิ่มจำนวนรถแล้ว บริษัทฯยังได้เริ่มทำธุรกิจขนส่งสินค้าควบคุมอุณภูมิ หรือ Cold Chain ซึ่งปัจจุบันมีรถอยู่ 3 คัน หากกำลังความต้องการเพิ่มแบบยั่งยืนก็จะทำการเพิ่มจำนวนรถ รวมถึงในอนาคตอันใกล้ จะทำคลังสินค้า เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าเก่า และแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจคลังสินค้า ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีกำไรดี หากมีลูกค้ามาใช้พื้นที่ประมาณ 70% ถือว่าคุ้มทุน ที่เหลือจะเป็นกำไร โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท เป็นการขยายการเติบโตไปในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการขนส่ง

สำหรับ เรือขนส่งปัจจุบันมี 8 ลำ รวมระวางบรรทุก 96,000 ตัน ส่วนใหญ่จะขนน้ำมันพืช โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มออกจากมาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดย 51-52% เป็นการขนส่งไปจีน และไปอินเดีย บังคลาเทศ มีสัดส่วน 30% ที่เหลืออีก 18-20% วิ่งในภูมิภาคอาเซียน ไป ฟิลิปปินส์ พม่า และเวียดนาม ซึ่งคาดว่าปีนี้ปริมาณเที่ยวการเดินเรือไปจีน และอินเดียจะดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2566 โดยอิงจากตัวเลขการคาดการณ์การนำเข้าน้ำมันปาล์มของจีนและอินเดีย ใกล้เคียงกับปี 2566 โดยตลาดหลักอย่างจีนเศรษฐกิจกำลังจะฟื้น รัฐบาลกำลังอัดเงินเข้าไปกระตุ้นกำลังซื้อในภาคอสังหาริมทรัพย์ เริ่มจะเห็นแนวโน้มของการนำเข้าดีขึ้น

“ครึ่งหลังปี 2567 ค่าระวางเรือที่ไปจีนปรับขึ้นเล็กน้อย และจากการที่ค่าเงินบาทอ่อนส่งผลดีต่อบริษัทเมื่อแปลงรายได้จากเงินดอลลาร์มาเป็นเงินบาท ฉะนั้นปี 2567 รายได้จะดีกว่าปี 2566 ที่ทำได้ 3,000 ล้านบาท ยังสามารถทำกำไรได้อยู่ และยังสามารถปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสม่ำเสมอ”นายพิศาล กล่าว