กกร.ปรับเป้าส่งออกเพิ่ม ชี้อุตสาหกรรมชิปสดใส

HoonSmart.com>>กกร.ปรับเป้าฐานขั้นต่ำการส่งออกเป็น 0.8% จากเดิม 0.5% เผยอุตสาหกรรมผลิตชิปสดใส รับเทรนด์ธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า คงจีดีพี 2.2-2.7% เตือนรัฐบาลค่าแรง 400 บาท ได้เห็นเอสเอ็มอี ภาคเกษตรพัง

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า เดือนก.ค.นี้ กกร.มีการปรับกรอบการเติบโตของการส่งออกเป็น 0.8-1.5% ซึ่งฐานขั้นต่ำสูงขึ้นจากเดือน มิ.ย.ซึ่งวางไว้ที่ 0.5-1.5% เพราะมีปัจจัยบวกชั่วคราวจากการเร่งสั่งซื้อสินค้าและการปรับเปลี่ยนมาส่งออกจากไทย คาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปีปรับดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังมีประเด็นฉุดรั้งจากเรื่องต้นทุนจากการขาดแคลนเรือและตู้คอนเทนเนอร์ รวมถึงระยะเวลาการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ล่าสุดปรับตัวขึ้น  95% เมื่อเทียบจากเดือน เม.ย. 67 ขณะที่ใช้ระยะเวลาในการขนส่งนานขึ้นตามภาวะขนส่งคับคั่งและขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมต่อภาคการผลิตและการส่งออกของโลกในระยะข้างหน้า

การส่งออกไทยเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้าของสหรัฐฯ-จีน การขึ้นภาษีของสหรัฐฯต่อสินค้าจีนรอบใหม่อาจกระทบสินค้าส่งออกไทยที่เป็นห่วงโซ่อุปทานให้แก่จีน ซึ่งประเมินว่าสินค้าเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วน 19.5% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดไปจีน โดยสินค้าที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบมาก เช่น ยางแผ่น ยางแท่ง เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสเติบโต หากสามารถปรับเปลี่ยนประเภทสินค้า ลักษณะ วิธีการผลิต ให้ทันกับพลวัตของโลกที่เปลี่ยนไป

ยกตัวอย่าง อุสาหกรรมผลิตชิป ที่ปัจจุบันมีความต้องการใช้ชิปสูงมากในธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ และธุรกิจผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่ชิปจะใช้กับฮาร์ดแวร์

ทั้งนี้ ต้องรอดูมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว ของรัฐบาลที่เร่งดำเนินการอยู่แล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องการสร้างงานเพื่อเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ประโยชน์ต้องตกอยู่กับแรงงานไทย จึงจะเพิ่มกำลังในประเทศขึ้นมาได้และสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ไปต่อได้

สำหรับ การประชุมกกร.ครั้งนี้ ยังคงเป้าจีดีพี ปี 2567 ที่ 2.2-2.7% อย่างไรก็ตามหากอุตสาหกรรมยานยนต์และอสังหาริมทรัพย์หดตัวมากขึ้นจาก 5 เดือนแรกของปี อาจจะกระทบทำให้จีดีพีปีนี้ลดลงกว่าที่คาดไว้ 0.3-0.4% หรือเหลือ 1.8 -2.3% โดยในช่วง 5 เดือนแรกยอดขายรถยนต์หดตัว 24% ยอดโอนอสังหาฯ 4 เดือนแรกสำหรับบ้านจัดสรรหดตัว 11.8% และอาคารชุดหดตัว 7.4%

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โครงสร้างเศรษฐกิจไทยพึ่งพิงตลาดต่างประเทศมากถึง 80% จากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว การที่เศรษฐกิจโลกซบเซา กำลังซื้อของโลกลดลง ก็กระทบกับไทยไปด้วย ยิ่งมาเจอปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทำให้การส่งสินค้าออกมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการที่เรือต้องเปลี่ยนเส้นทาง และขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งอยากให้รัฐหาแนวทางช่วยเอกชนด้วยในเรื่องนี้

นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หากรัฐยังยืนยันที่จะปรับค่าแรงเป็นวันละ 400 บาทในเดือนตุลาคมนี้ จะทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอี และภาคการเกษตรของไทยพัง รวมทั้งจะทำให้คนไทยตกงานเพิ่มขึ้น เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ก็ต้องลดต้นทุน ด้วยการลดคน

ทางออกที่ดี คือ รัฐควรมีการสร้างงาน เพิ่มรายได้ ทำให้โรงงานต่างๆผลิตเต็มไลน์การผลิต และสามารถส่งออกได้
“ไม่มีประเทศไหนที่มีการปรับค่าแรงถึง 3 ครั้งในปีเดียว นี่ก็ทำให้บริษัทปิดตัวไปเป็นพันแห่งแล้ว”นายทวี กล่าว