หุ้นเช้านี้บวก 6.52 จุด คืบหน้าเพดานหนี้สหรัฐ-ราคาน้ำมันรีบาวด์

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 6.52 จุด ตอบรับสหรัฐบรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้ ประกอบกับราคาน้ำมันรีบาวด์

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 29 พ.ค.2566 ณ เวลา 9.57 น.อยู่ที่ระดับ 1,537.36 จุด เพิ่มขึ้น 6.52 จุด หรือ +0.43% มูลค่าซื้อขาย 997.42 ล้านบาท

บล.กรุงศรี มอง SET ปรับตัวขึ้นแนวต้าน 1,540-1,545 จุด ตอบรับสหรัฐบรรลุข้อตกลงในหลักการเพิ่มเพดานหนี้จาก 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเวลา 2 ปี ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่รีบาวด์ขึ้นซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด อาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 5.25-5.50% ในการประชุม 13-14 มิ.ย.ซึ่งจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มอง SET Index แกว่งตัว Sideways Up ในกรอบ 1,525-1,540 จุด โดยมีปัจจัยบวกจากฝั่งต่างประเทศหลังการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯสามารถบรรลุข้อตกลงได้ อย่างไรก็ตามขั้นตอนถัดไปต้องผ่านการลงมติของ 2 สภาและให้ไบเดนลงนาม ส่วนเส้นตายคือวันที่ 5 มิ.ย. 23 ทั้งนี้ ยังมี Upside ระยะสั้นจำกัดเนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศยัง Overhang หลังการจัดตั้งรัฐบาลและตำแหน่งประธานสภาฯยังไม่ได้ข้อสรุป

ส่วนเงิน Core PCE สหรัฐฯเดือน เม.ย. ออกมาสูงกว่าคาด +0.4% m-m, +4.7% y-y สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อย ทำให้ตลาดเริ่มปรับมุมมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 0.25% ในการประชุมเดือน มิ.ย. จากเดิมที่คาดว่าจะคงดอกเบี้ย ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ปรับตัวต่อเนื่อง และคาดว่าจะจำกัด Upside ของสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่กนง.ประชุมวันพุธนี้คาดขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2% ยังคงเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร ประกัน เป็นต้นส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องเป็นบวกระยะสั้นต่อกลุ่มส่งออกหรือมีรายได้สกุลต่างประเทศมาก

สัปดาห์นี้จับตาการประกาศตัวเลขส่งออกเดือน เม.ย. คาด -1.9% y-y ส่วนระยะยาวครึ่งหลังปี 66 ความเสี่ยงที่ต้องติดตามยังคงเป็นเศรษฐกิจโลกที่คาดชะลอตัว ทำให้ยังคงเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic มากกว่า Global Play โดยเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จำกัด กลยุทธ์ เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและเสี่ยงกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่จำกัด หรือทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
DELTA อยู่ที่ 95.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ +1.88% มูลค่าซื้อขาย 86.01 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 144.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +1.05% มูลค่าซื้อขาย 76.67 ล้านบาท
BBL อยู่ที่ 163.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 74.62 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 133.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.38% มูลค่าซื้อขาย 71.04 ล้านบาท
MPIC อยู่ที่ 2.82 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท หรือ +13.71% มูลค่าซื้อขาย 33.27 ล้านบาท