HoonSmart.com>>คปภ.เผยต่างชาติสนใจเข้าทำธุรกิจประกันภัยไทยเหตุแนวโน้มการเติบโตของเบี้ยประกันภัยไปต่อได้อีกนาน จากฐานเศรษฐกิจมีขนาดใหญ่ แผนพัฒนาการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ เบี้ยต่อจีดีพีต่ำ ด้านสมาคมประกันวินาศภัยไทยร้องรัฐคุมประกันนอกอาณาจักรไร้ใบอนุญาตเข้ามาชิงลูกค้าไฮเน็ทเวิร์ธเต็มตลาด
นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.เน้นย้ำการสร้างความมั่นคงด้านฐานะการเงินบริษัทประกันภัย โดยบริษัทเล็กก็สามารถที่จะเข้มแข็งได้ ตามที่คปภ.พูดเสมอว่า Small is beautiful แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ส่งเสริมให้เกิดการควบรวมเพื่อสร้างความเข้มแข็ง เช่น เมื่อเกิดปัญหาฐานะการเงิน ให้หาผู้ร่วมทุนรายใหม่เข้ามาเพิ่มทุน ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังเปิดทางให้บริษัทที่มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว แต่มองว่าถ้าควบรวมกิจการจะทำให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หรือ บริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการขยายตลาดบางกลุ่มก็สามารถทำการควบรวมกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านได้
“คปภ.ไม่มีอำนาจในการบังคับให้ใครควบรวมกิจการกับใคร ถ้าบริษัทยังสามารถทำธุรกิจได้ตามปกติ ยังเป็นทางเลือกให้กับประชาชนได้ ก็สนับสนุนและส่งเสริมให้ทำธุรกิจต่อไป แต้ถ้าอ่อนแอ สู้เพื่อนไม่ได้ ต้องการหาผู้ร่วมทุนรายใหม่เข้ามา ก็สามารถบอกมาทางคปภ.ได้ พร้อมที่จะสร้างทางให้เพื่อให้เกิดการควบรวมกันได้เร็วยิ่งขึ้น”นายชูฉัตร กล่าว
นายชูฉัตร กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติยังคงสนใจทำธุรกิจประกันภัยในไทย เพราะเห็นว่าสัดส่วนคนทำประกันภัย ทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัยยังต่ำ และเบี้ยประกันภัยเมื่อเทียบกับขนาดของเศรษฐกิจไทยยังต่ำเพียง 6% ของจีดีพีเท่านั้น มีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปได้อีกมาก ประกอบกับประเทศไทยน่าลงทุน มีฐานเศรษฐกิจที่ใหญ่ แต่การขยายตัวของเศรษฐกิจยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ไทยยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนในด้านต่างๆ ยังมีอีกมาก ซึ่งเบี้ยประกันภัยจะเติบโตไปตามการขยายตัวของจีดีพี โอกาสที่ประกันภัยจะเติบโตตามการขยายการลงทุนในประเทศมีสูง
“ต่างชาติเข้ามาคุยเยอะมาก แต่ต้องการให้เราออกใบอนุญาตใหม่ใหม่ให้ ซึ่งทางคปภ.ไม่มีนโยบายออกใบอนุญาตการประกอบธุรกิจประกันภัยใหม่ เพราะปัจจุบันถือว่าเหมาะสมแล้ว แต่จะเปิดทางให้เข้ามาร่วมทุน และควบรวมกิจการ ซึ่งกฎหมายได้เปิดทางไว้ให้อยู่แล้ว”นายชูฉัตร กล่าว
นายสมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นให้นักลงทุนต่างชาติเพิ่มเป็น 51% เพื่อสนับสนุนให้เกิดการควบรวมกิจการของบริษัทประกันภัยถือว่าเป็นเรื่องที่มาถูกทาง เพราะมีบางบริษัทไม่ได้ทำธุรกิจอย่างจริงๆจังๆ รับประกันลูกค้าบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งในอดีตอยู่ได้เพราะไม่ได้มีการแข่งขันสูง และไม่มีกฎระเบียบอะไรมาก ต่างจากปัจจุบันที่กฎเกณฑ์เปลี่ยนแปลงไปมาก การแข่งขันสูงขึ้น รวมถึงมาตรฐานบัญชีใหม่ที่จะออกมาใช้ในต้นปี 2568 ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น การรับประกันภัยในธุรกิจครอบครัวเพียอย่างเดียวอาจอยู่ได้ยาก การควบรวมจะเป็นทางออกให้กับบริษัทเหล่านั้นอยู่รอดได้
ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้ คปภ.ทำการควบคุมบริษัทต่างชาติที่ไม่ได้จดทะเบียนในไทยเข้ามาขายประกันภัยในไทย รวมถึงบริษัทที่ไม่ใช่ประกันภัยแต่ออกสินค้าประกันภัยมาขาย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลมาก ปัจจุบันมีบริษัทประกันภัยข้ามชาติ ที่ไม่ได้จดทะเบียนในไทย ส่งคนเข้ามาขายประกันภัยในประเทศไทยเต็มไปหมด โดยจับกลุ่มตลาดลูกค้าไฮเน็ทเวิร์ธที่มีมูลค่าทรัพย์สินสูง รวมทั้งการขายประกันภัยผ่านระบบดิจิทัลเข้ามาในไทย ซึ่งที่ผ่านมาทางบริษัทประกันภัยต้องดำเนินการเอง ด้วยการหาหลักฐานต่างๆ เพื่อนำไปยื่นฟ้องร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้ามาดูแล