IRPC ลุ้นขาดทุนสต็อก Q2/66 ลดลง ตามราคาน้ำมัน ปิโตรเคมีดีขึ้น

HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี(IRPC)” โล่งอก ไตรมาสที่ 2/66 ขาดทุนสต็อกไม่หนัก ราคาน้ำมันดิบลดลงใกล้กับต้นทุนผลิต ตลาดปิโตรเคมีค่อยๆดีขึ้น  ปีนี้อัตราการกลั่นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 190,000 บาร์เรลต่อวัน นักวิเคราะห์ 16 รายส่วนใหญ่แนะนำให้ถือ  5 รายให้ซื้อ ขายแค่ 1 ราย  ชี้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 2.82 บาท  บล.กรุงศรีแนะรอจังหวะซื้อ เพื่อลงทุนระยะยาวรับการฟื้นตัว หลังผลงานไตรมาสที่ 2 ออกมาแล้ว

น.ส.สมฤดี เจริญครองสกุล ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส บริหารการเงิน บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดไตรมาส 2/2566 การขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจะไม่รุนแรงเท่ากับไตรมาส 1 ที่มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมันอยู่ประมาณ 3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงระดับ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ใกล้เคียงกับต้นทุนน้ำมันดิบในปัจจุบัน

แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2 โดยรวมยังต้องติดตาม เนื่องจากมีทั้งปัจจัยบวกและลบ จาก  Crude Premium ที่ปรับตัวลงมาตั้งแต่ไตรมาสแรก จาก 9 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาที่ 5 เหรียญสหรัฐ และคาดไตรมาส 2 และ 3 น่าจะลดลงต่อ ส่วนตลาดปิโตรเคมียังค่อยๆ ดีขึ้น รวมถึงตลาดปิโตรเลียม ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล ก็ปรับตัวลงตามราคาก๊าซ

อย่างไรก็ตามรวมทั้งปี รายได้น่าจะลดลง จากปีก่อนอยู่ที่ 326,338 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวลง คาดทั้งปีเฉลี่ย 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐ ส่วนปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น เพราะไม่ได้หยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามระยะเวลาเหมือนปีที่ผ่านมา  ทำให้อัตราการกลั่นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 190,000 บาร์เรลต่อวัน  จากที่ผ่านมาอยู่ที่ 175,000 บาร์เรลต่อวัน

ด้านนักวิเคราะห์ 16 ราย ให้ราคาเป้าหมายปีนี้เฉลี่ย 2.82 บาท จากระดับสูงสุดที่ 3.70 บาท และต่ำสุดระดับ 2 บาท โดยส่วนใหญ่ประมาณ 10 รายแนะนำให้ถือ  5 รายให้ซื้อและ 1 รายให้ขาย

บล.กรุงศรีแนะนำให้ซื้อหลังปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 3.70 บาทจากระดับ 3.80 บาท จากการปรับกำไรปกติปีนี้ลง -14% เป็น 468 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร(y-y)สะท้อนขาดทุนสต็อก ที่มากกว่าคาด และค่าการกลั่นต่ำคาด  อัตรากำไรปิโตรเคมีที่สูงกว่าคาด

อย่างไรก็ตามมีการปรับเพิ่มกำไรสุทธิขึ้น 143% มาจากรายการพิเศษ กลับรายการด้อยค่าฯ เป็นรายการที่ไม่ใช่เงินสดคาดไตรมาสที่ 2 อาจมีขาดทุนปกติราว-83 ล้านบาทเทียบกับไตรมาส 2 ปีก่อน กำไร 3,747 ล้านบาท และไตรมาสแรกปีนี้ขาดทุน 597 ล้านบาท เพราะค่าการกลั่นที่คาดลดเป็นราว 4.4ดอลลาร์/บาร์เรล (-73%y-y, -42% q-q) จากไม่มีปริมาณผลิตขาดแคลนจากสงครามฯเหมือนปีก่อน ทั้งนี้หากครึ่งปีแรกเป็นไปตามคาด จะยังมีผลขาดทุน ส่วนครึ่งปีหลังกำไรจะเร่งขึ้นตามการฟื้นตัวของสเปรดปิโตรเคมี ส่งให้กำไรปกติปีนี้ที่ราว 468 ล้านบาท พลิกกำไรจากขาดทุนสต็อกที่ลดลงมาก ไม่มีปิดซ่อมโรงกลั่น และปิโตรเคมีฟื้นยังเป็นไปได้

” เราคงมุมมองระยะสั้น catalyst จำกัดจากค่าการกลั่นปรับฐานกดดันต่อ รอผ่านช่วงไตรมาส 2 ค่อยซื้อลงทุนระยะยาวรับการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ทั้งโรงกลั่นที่กลับมาฟื้นตัว และ ปิโตรเคมี ที่ฟื้นเร่งมากขึ้น หลังผ่านช่วง supply ใหม่เข้ามามากสุดในครึ่งปีแรกแล้ว มองระดับ P/BV ราว 0.6 เท่า หรือ -2.0S.D. ค่าเฉลี่ย 10 ปีซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงช่วงโควิด”บล.กรุงศรีระบุ