ดาวโจนส์ปิดร่วง 255 จุด กังวลสหรัฐผิดนัดชำระหนี้

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 แห่งปรับตัวลง  หันไปลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นเพิ่มขึ้น กังวลสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ หวังว่าจะมีการโหวตขยายเพดานหนี้ได้ในสัปดาห์หน้าก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 มิถุนายน  ไม่กี่ชั่วโมงเฟด  กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นว่าไม่จำเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่บางคนมองว่าควรขึ้นอีก  ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนที่มากขึ้น  ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง กังวลเงินเฟ้ออังกฤษสูงเกินคาด หวั่นปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 24พฤษภาคม 2566 ที่ 32,799.92 จุด ลดลง 255.59 จุด หรือ 0.77% นักลงทุนกังวลว่าสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้หลังการเจรจาขยายเพดานหนี้ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนกับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ยังไม่ได้ข้อสรุป

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,115.24 จุด ลดลง 30.34 จุด, -0.73%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,484.16 จุด ลดลง 76.08 จุด, -0.61%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีปรับตัวขึ้นมาที่ 4.36% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นมาที่ 3.74% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีลดลงมาที่ 3.98%

อดัม ซาร์ฮัน ซีอีโอ จาก 50 Park Investments กล่าวว่า ตลาดยังคงชะลอการลงทุน ทั้งจากภาวะที่ซื้อมากเกินไปและจากความกังวลมากขึ้นต่อปัญหาเพดานหนี้

การเจรจาขยายเพดานหนี้ยืดเยื้อกว่าที่คาด มีรายงานว่าหลังการหารือในวันอังคารนายแมคคาร์ธีบอกกับสมาชิกสภาจากพรรครีพับลิกันว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าหัวหน้าคณะเจรจาที่ได้รับการมอบหมายจากนายแมคคาร์ธีกล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนดวันประชุมครั้งใหม่

การเจรจาที่ยังไม่ได้ข้อสรุปทำให้นักลงทุนวิตกและหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่บางส่วนเชื่อว่ามีโอกาสที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะโหวตขยายเพดานหนี้ได้ในสัปดาห์หน้าก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 มิถุนายนหรือ X-date ไม่กี่ชั่วโมง

เมื่อวานนี้นายแมคคาร์ธีประกาศว่าจะเริ่มการเจรจารอบใหม่และคิดว่าน่าจะมีความคืบหน้าในวันนี้

จิม เรด จากดอยช์แบงก์ระบุว่า นักลงทุนกังวลมากขึ้นว่าปัญหาเพดานหนี้ที่ยังไร้ข้อสรุป”อาจจะไม่รู้ผลจนวินาทีสุดท้าย” และกำลังวางแผนรับมือความไม่ราบรื่นที่อาจจะเกิดขึ้น

ตลาดปรับตัวลดลงหลังการเผยแพร่รายงานการประชุมครั้งที่แล้วของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) บ่งชี้ว่า การพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด รวมทั้งกรรมการส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าความจำเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยมีน้อยลง แต่ก็ยังมีความต่างกันต่อแนวโน้ม กรรมการบางรายเห็นว่าควรขึ้นดอกเบี้ยอีก ขณะที่บางรายคาดว่าการเติบโตที่ชะลอตัวลงทำให้ไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย

เอียน เชฟเฟิร์ดสัน จาก Pantheon Macroeconomics ให้ความเห็นว่า รายงานการประชุมของเฟดไม่มีอะไรใหม่ แต่ที่ผิดจากคาดคือกรรมการหลายรายคิดว่า ไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย เพราะคาดไว้ว่าจะมีน้อยรายเท่านั้น

ก่อนการเผยแพร่รายงาน นายคริสโตเฟอร์ แวลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดให้ความเห็นว่า เขาไม่คาดว่าเฟดจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะมีหลักฐานชัดเจนว่าเงินเฟ้อลดลง

นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนที่มากขึ้นหลังจากมีความขัดแย้งเรื่องชิป

หุ้น Kohl’s และหุ้น Abercrombie & Fitch บวก 7.5% และ 31.1% ตามลำดับหลังรายงานกำไรดีกว่าคาด
หุ้น Palo Alto Networks เพิ่มขึ้นกว่า 7% แตะระดับสูงสุดรอบ 52 สัปดาห์หลังรายได้กำไรไตรมาสสามดีกว่าคาด และปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรและรายได้ทั้งปีขึ้น

นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ ทั้งการขอรับสวัสดิการว่างงาน ประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1 ครั้งที่ 2 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเมษายน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐที่ยังไร้ข้อสรุป ขณะที่เงินเฟ้อของอังกฤษบ่งชี้ว่ายังต้องมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก
หุ้นกลุ่มรถยนต์ กลุ่มธนาคารและกลุ่มประกันต่างลดลงกว่า 2%

เงินเฟ้อทั่วไปอังกฤษเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 8.7% จาก 10.1% ในเดือนก่อน แม้จะชะลอตัวลงแต่ยังสูงกว่า 8.2% ที่นักวิเคราะห์คาด และเมื่อเทียบรายเดือนเพิ่ม 1.2% สูงกว่า 0.8% ที่นักวิเคราะห์คาด
เงินเฟ้อยังสูงกว่าคาดแม้ธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นดอกเบี้ยมาต่อเนื่อง และในการประชุมในเดือนหน้าคาดว่าจะยังปรับขึ้นอีกจาก 4.50% ไปที่ 4.75%

ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเดือนพฤษภาคมลดลง หลังจากที่ปรับขึ้นติดต่อกัน 6 เดือน

หุ้น Marks & Spencer บวก 7% หลังกำไรและยอดขายทั้งปีแข็งแกร่ง และกลับมาจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในเดือนพ.ย.
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 457.65 จุด ลดลง 8.45 จุด, -1.81%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,627.10 จุด ลดลง 135.85 จุด, -1.75%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,253.46 จุด ลดลง 125.25 จุด, -1.70%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,842.13 จุด ลดลง 310.73 จุด, -1.92%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 74.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 1.98% ปิดที่ 78.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล