HoonSmart.com>>“เครือสหพัฒน์” ประกาศทิศทางการเติบโต เตรียมเซ็นเอ็มโอยู 16 ฉบับ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ จับมือผู้นำค้าส่งญี่ปุ่น “เอตัวล์ ไคโตะ” ขยายตลาดต่างประเทศไปด้วยกัน จับมือ “ฟาสต์บิวตี้” ร้านทำสีผมเบอร์หนึ่งญี่ปุ่น เปิดร้าน ‘fufu’ ยกระดับธุรกิจร้านเสริมสวยในไทย ส่วนงานใหญ่ประจำปี พบกัน 27-30 มิ.ย.นี้ โฉมใหม่ คอนเซปต์ Fair & Fest ช้อปสนุก จำหน่ายสินค้าราคาดี 1,000 รายการ พันธมิตรนำสินค้ามาจัดแสดง จำหน่ายด้วย ที่ไบเทค บางนา
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล และประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า สหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 28 โฉมใหม่ในคอนเซปต์ Fair & Fest ซึ่งจะเนรมิตให้เป็นทั้งแฟร์และเฟสติวัลในงานเดียว ระหว่างวันที่ 27-30 มิ.ย. 2567 เวลา 10.00–21.00 น. ที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา โดยจะนำสินค้าแบรนด์ดังในเครือสหพัฒน์มาจำหน่ายในราคาพิเศษรวมกว่า 100 บริษัท 1,000 รายการ พร้อมจัดแสดงนวัตกรรมล่าสุด สินค้าใหม่จากแบรนด์ต่าง ๆ รวมทั้งกิจกรรมพิเศษ แฟชั่นโชว์ การประกวด และการสัมมนามากมาย
นอกจากนี้ ยังมี 3 พันธมิตรยักษ์ใหญ่นำสินค้ามาจัดแสดงและจำหน่ายด้วย ได้แก่ สมาคมการค้าวิสาหกิจจีน นำกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ มาร่วมงาน อาทิ รถยนต์อีวี เช่น BYD, AION, ChangAn, MG, GWM สินค้าเทคโนโลยี เช่น Huawei, HIP Global, Hikvision เป็นต้น รวมทั้ง Quark Biosciences ผู้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ชั้นนำจากไต้หวัน และ Zhen Ding Technology Holding Limited ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นวงจรพิมพ์อันดับ 1 ของโลก
นอกจากกิจกรรมที่จะสร้างสีสันให้งานสหกรุ๊ปแฟร์มีความสดใหม่แล้ว ปีนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เซ็นเอ็มโอยูและบันทึกความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวม 16 ฉบับ ใน 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ไบโอเทค บริการ ความรู้ แพลตฟอร์ม และธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เพื่อแสดงถึงทิศทางธุรกิจของเครือสหพัฒน์ที่จะก้าวไปในอนาคต
นายธรรมรัตน์ยกตัวอย่างของการเซ็นเอ็มโอยู เช่น ความร่วมมือกับ QUARKBIO ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI Technology Machine จากไต้หวัน เพื่อบุกธุรกิจด้านเทคโนโลยีชีวภาพและการดูแลสุขภาพ ความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อสนับสนุนโครงการศูนย์พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร เอ็มโอยูกับ Tokyu Corporation ขยายความร่วมมือในธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ความร่วมมือกับควอนตัม เอสดีจีเอ็ม และเอ็มทีเอส โกลด์ เพื่อให้สิทธิพิเศษกับลูกค้า MTS ในการแลกเป็นทองดิจิทัลในระบบ QDM ความร่วมมือกับ DHL Express เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่งด่วนทางอากาศผ่านบริการ GoGreen Plus และ ความร่วมมือกับ SC Grand พัฒนาสินค้าแฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังมีความร่วมมือเพื่อพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Print Circuit Board : PCB) ระหว่าง เพ๊ง เชิน เทคโนโลยี (ประเทศไทย) และสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศไทย
ภายในงานนี้ ผู้นำค้าส่งรายใหญ่ของไทยและญี่ปุ่น “เครือสพัฒน์ – เอตัวล์ ไคโตะ” ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ ประกาศความร่วมมือที่จะนำประสบการณ์ทางธุรกิจค้าส่งที่มีมาอย่างยาวนาน มาสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ของแต่ละฝ่าย ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า เครือสหพัฒน์ เริ่มต้นธุรกิจค้าส่งในประเทศไทยมาเป็นเวลา 80 ปี จากนั้นจึงขยายไปสู่ธุรกิจการผลิต และธุรกิจค้าปลีกและมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในขณะที่ เอตัวล์ ไคโตะ (Etoile Kaito) เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเป็นผู้ค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดและสินค้าแฟชั่นในญี่ปุ่น จนปัจจุบันก้าวเป็นผู้นำค้าส่งสินค้าครบวงจร อาทิ สินค้าแฟชั่นและความงาม ไลฟ์สไตล์ อุปโภค บริโภค ของใช้ในครัวเรือนและ สินค้าตกแต่งภายในที่มีมากกว่า 700,000 รายการ
““เครือสพัฒน์ และ เอตัวล์ ไคโตะ” เห็นโอกาสในการทำธุรกิจร่วมกัน โดยมีเป้าหมายให้ขยายไปยังต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น โดยอาศัยวิธีการจำหน่ายแบบ Hybrid Platform ของทั้งสองฝ่าย อาทิการจำหน่ายทั้งในร้านค้า,ช่องทางออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ และไลฟ์คอมเมิร์ซ (Live Commerce) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการจำหน่ายแบบเดิม ๆ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน”
นายคินโนะสุเกะ ฮายาคาวะ ประธานบริษัท เอตัวล์ ไคโตะ กล่าวว่า เอตัวล์ ไคโตะ ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 120 ปี เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเป็นผู้ค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดแฟชั่นในญี่ปุ่น โดยยึดมั่นในปรัชญา “สินค้าดี ในเวลาที่เหมาะสม ในปริมาณที่พอเหมาะ” ด้วยปรัชญานี้ จึงจัดหาสินค้าที่มีความหลากหลาย อาทิ เสื้อผ้า อาหาร และของใช้ในครัวเรือน จนปัจจุบันเติบโตขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งระบบสมาชิกที่จำหน่ายสินค้าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ สินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งสินค้าอื่นๆ อย่างครบวงจร
“ช่องทางการจำหน่ายของเอตัวล์ ไคโตะ ไม่ได้มีแค่ในญี่ปุ่น แต่ยังมีช่องทางจำหน่ายในไต้หวัน ฮ่องกง จีน และเกาหลีใต้ การร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้นำสินค้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางของเครือสหพัฒน์ ขณะเดียวกัน เครือสหพัฒน์ก็จะนำสินค้ามาจำหน่ายผ่านช่องทางของเอตัวล์ ไคโตะ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของทั้ง 2 ฝ่ายที่จะได้เปิดตลาดใหม่ในช่องทางใหม่ ๆ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตมากขึ้น” นายคินโนะสุเกะ กล่าว
นอกจากนี้ เครือสหพัฒน์ ร่วมกับ “ฟาสต์บิวตี้” ผู้นำธุรกิจร้านทำสีภายใต้ชื่อ ‘fufu’ มากกว่า 130 สาขาในประเทศญี่ปุ่น เตรียมเปิดร้าน ทำสีผม ‘fufu’ ในประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบการทำสีผม เทคนิคการทำสีในทุกขั้นตอนยังใช้เทคนิคเฉพาะจากฟาสต์บิวตี้ ที่ให้ผลลัพธ์ของสีผมที่สวยสม่ำเสมอ เปล่งประกาย และนุ่มนวล รวมถึงมีความรวดเร็วในการให้บริการด้วยแพลตฟอร์ม IT และแอปพลิเคชันมือถือ ในราคาเบา ๆ ที่ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถจ่ายได้ พร้อมเพิ่มช่องทางการสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับช่างผมไทย เพื่อยกระดับธุรกิจร้านเสริมสวยในประเทศไทยให้แข็งแรงยิ่งขึ้น