3 หุ้นกลุ่ม TU กอดคอวิ่ง-ASIAN หั่นเป้ารายได้เหลือ 1 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>หุ้นส่งออกอาหารแช่แข็งอ่วมปี 66 ราคาลงลึกเกินพื้นฐาน “ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU)” เดินหน้าเก็บหุ้นคืนจากตลาด ล่าสุดทุ่มอีก 139 ล้านบาทซื้อกว่า 9 ล้านหุ้น “เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN)”ยอมรับปรับเป้ารายได้ปีนี้ลงเหลือ 10,700 ล้านบาท จาก 13,000 ล้านบาท เจอพิษเศรษฐกิจสหรัฐ-ยุโรป ลูกค้าแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงแบกสินค้าคงคลังสูง ด้าน ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) ได้แม่ช่วยซื้อหุ้นจากตลาด

วันที่ 23 พ.ค. 3 หุ้นกลุ่มบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ตั้งหลักได้ TU ปรับตัวขึ้นต่อ ปิดที่ 15.60 บาท บวก 0.50 บาทหรือ +3.31% บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) ปิดที่ 24 บาท บวก 0.80 บาทหรือ +3.45% และบริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) ปิดที่ 9 บาท บวก 0.25 บาทหรือ +2.86%  แม้ว่าผลงานของ TFM ในไตรมาสแรกปีนี้จะประสบปัญหาขาดทุนก็ตาม คาดว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้

ด้าน TU รายงานการซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเก็บอีก 9,137,600 หุ้น ช่วงราคา 15-15.50 บาท/หุ้น  มูลค่า 139.38 ล้านบาท จนถึงปัจจุบันซื้อหุ้นคืนแล้วทั้งสิ้น 167.97 ล้านหุ้น สัดส่วน 3.52% ของทุนชำระแล้ว ใช้เงินซื้อหุ้นรวม 2,467.78 ล้านบาท

ส่วน ITC คาดราคาปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดจาก TU  ได้เข้าซื้อหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์  หลังจากได้รับอนุมัติเงินจำนวน 750 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้น  ITC จำนวน 30 ล้านหุ้น  เริ่มตั้งแต่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา  เพราะราคาในตลาดต่ำกว่าพื้นฐาน

ส่วน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN) ปิดที่ 10.20 บาท บวก 0.50 บาทหรือ+5.15% หลังจากนายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ปีนี้ปรับลดลงเหลือ 10,700 ล้านบาท จากเดิม 13,000 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งซึ่งมีตลาดสหรัฐเป็นตลาดหลัก รวมทั้งลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อ เพราะปัญหาสินค้าคงคลังของลูกค้าแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในระดับสูง  แต่คาดว่าครึ่งปีหลังสถานการณ์สินค้าคงคลังจะกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง

“รายได้รวมของปีนี้อาจชะลอตัวลงประมาณ 4% จากปี 2565 ที่มีรายได้ 11,164 ล้านบาท แต่แนวโน้ม ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง ยังสามารถฟื้นตัวและเป็นธุรกิจหลักของบริษัทได้ตามแผน  เนื่องจากอาหารยังคงมีความต้องการ และมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ” นายเอกกมล กล่าว

สำหรับงบลงทุนปี 2566 ที่ตั้งไว้ 1,371 ล้านบาท ใน 3 ธุรกิจ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่จะเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน ได้แก่ ใช้ขยายกำลังการผลิตและสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 ในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง จำนวน 1,173 ล้านบาท , เพิ่มประสิทธิภาพสายการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดและเปลี่ยนเครื่องกำเนิดไอน้ำ (Boiler)ใหม่ จำนวน 54 ล้านบาท และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและนำระบบการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์มาใช้เพื่อลดต้นทุนพลังงาน จำนวน 144 ล้านบาท