HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้ม SET แกว่งตัวในกรอบ 1,510-1,550 จุด ปัจจัยต่างประเทศและในประเทศยังไม่นิ่ง แนะนำทยอยซื้อ กลุ่มธนาคาร BBL, KTB, กลุ่มเน้นอุปโภคบริโภคในประเทศ ICHI, SAPPE, HTC, MC, SABINA, SFLEX การเงิน AEONTS ,KTC, MTC หลีกเลี่ยงกลุ่มความเสี่ยงถูกกระทบจากนโยบายรัฐสวัสดิการ ขึ้นค่าแรง ผูกขาดกลุ่มทุน กลุ่มธุรกิจกัญชา พร้อมเสิร์ฟหุ้นวันนี้แนะ ITC, SFLEX
บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,510-1,550 จุด ปัจจัยต่างประเทศและในประเทศยังไม่นิ่ง แนะนำทยอยซื้อ กลุ่มธนาคาร BBL, KTB, กลุ่มเน้นอุปโภคบริโภคในประเทศ ICHI, SAPPE, HTC, MC, SABINA, SFLEX การเงิน AEONTS ,KTC, MTC หลีกเลี่ยงกลุ่มความเสี่ยงถูกกระทบจากนโยบานยรัฐสวัสดิการ ขึ้นค่าแรง ผูกขาดกลุ่มทุน กลุ่มธุรกิจกัญชา
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJIA -0.42% นักลงทุนรอผลการเจรจารอบใหม่เกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนถึงเส้นตายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ โดยเหตุการณ์ที่คล้ายกันเคยเกิดในอดีตที่มีการประวิงเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายก่อนที่จะปรับเพิ่มเพดานหนี้ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ กลุ่มผู้บริโภค และอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่เฟด สนับสนุนการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์บอกว่าเฟดยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่จะไม่ปรับตัวลงและตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง ทั้งนี้ขึ้นกับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่จะเปิดเผยออกมามากขึ้น
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รายงานการประชุมประจำเดือน พ.ค.ของเฟดในวันพุธ, ตัวเลข GDP 1Q66 (ประมาณการครั้งที่ 2) ในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เม.ย. ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวรอผลการเจรจาขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ และนโยบายการการเงินของ ECB โดยเจ้าหน้าที่
หุ้น ITC (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 28.00 บาท) ราคาหุ้นปรับฐานสะท้อนปัจจัยลบใน 1Q66 ที่เป็นจุดต่ำสุดของปี โดยกำไร 1Q66 ลดลง QoQ, YoY เพราะ Low Season การขาย และลูกค้าส่วนหนึ่งสต๊อกสินค้าล่วงหน้าไปแล้ว ส่วนภาพรวมปี 66 คาดยอดขายและกำไรเติบโตเล็กน้อยก่อนที่จะเร่งตัวขึ้นในปี 67 โดยในปีนี้ถูกกดดันจากระดับ Inventory ของลูกค้าที่อยู่ในระดับสูง โดยคาด 2Q66 จะเริ่มเห็นการทยอยฟื้นตัวดีขึ้นทั้งรายได้และ GPM ส่วนใน 2H66 จะดีขึ้นต่อเนื่อง HoH จากการเริ่มส่งสินค้าไปยังตลาดใหม่ประเทศจีน และการขยายกำลังการผลิต รวมถึงการปรับเพิ่มราคาผ่านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในระดับ Premium มากขึ้น
หุ้น SFLEX (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.85 บาท) กำไรสุทธิงวด 1Q66 อยู่ที่ 41 ล้านบาท (+205%YoY, +22% QoQ ) มีแรงหนุนจากมาร์จิ้นที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งจากการบริหารต้นทุนวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพและราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลง สำหรับการดำเนินงานช่วงถัดไป คาดว่าจะยังได้ประโยชน์จากการเน้นสินค้ามาร์จิ้นสูงโดยเฉพาะสินค้าทางการแพทย์ ด้านผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตแบบOrganic Growth มาอยู่ที่ 1.8-1.85 พันล้านบาท
นอกจากนี้ SFLEX ยังจะมีปัจจัยบวกจากการเข้าลงทุนใน SPV (ธุรกิจการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ประเภทกระดาษในเวียดนาม) ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 SFLEX ที่ 158 ล้านบาท (+187%YoY) และ 189 ล้านบาท (+20%YoY)