ดาวโจนส์ลบ 140 จุด จับตาเจรจาขยายเพดานหนี้รอบใหม่

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดลบ 140 จุด ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq บวก ตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จับตาเจรจาขยายเพดานหนี้รอบใหม่  ส่วนราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 22 พ.ค.2566 ที่ 33,286.58 จุด ลดลง 140.05 จุด หรือ 0.42% นักลงทุนรอผลการเจรจาขยายเพดานหนี้ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนกับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ รอบใหม่ ขณะที่สหรัฐใกล้จะผิดนัดชำระหนี้เข้ามาทุกขณะเพราะเวลาเหลือไม่ถึงสองสัปดาห์จากเส้นตายวันที่ 1 มิ.ย.นี้

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,192.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด, +0.02%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,720.78 จุด เพิ่มขึ้น 62.88 จุด, +0.50% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม

ประธานาธิบดีไบเดนกับนายแมคคาร์ธี กำหนดหารือการขยายเพดานหนี้อีกครั้งในเวลา 1730 น. ตามเวลาในสหรัฐ ขณะที่เหลือเวลาเพียง 10 วันก่อนวันที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้เป็นวันแรกตามที่นางเจนเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังกล่าวไว้ก่อนหน้านี้

ในเช้าวันจันทร์ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มการเจรจา แต่การลดรายจ่ายของรัฐบาลยังเป็นอุปสรรค พรรครีพับลิกันยืนยันว่าต้องลดรายจ่ายไปที่ระดับฐานปี 2022 แต่ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า การลดรายจ่ายในวงกว้างโดยไม่ปรับขึ้นภาษีเป็นไปไม่ได้

คริส ซัคคาเรลลี จากIndependent Advisor Alliance กล่าวว่า นักลงทุนเริ่มกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการเจรจาขยายเพดานหนี้ ในทางกลับกันเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานยังแกร่ง

ธนาคารและผู้จัดการกองทุนเตรียมรับมือกับการผิดนัดชำระหนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นหากการเจรจาไม่มีข้อสรุป
กลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นแต่ ซิลเวีย จาบลอนสกีจาก Defiance ETFs กล่าวว่า ถ้ากลุ่มอื่นๆไม่ปรับขึ้น กลุ่มเทคโนโลยีก็ยากที่ไปต่อ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีปรับตัวขึ้นมาที่ 4.3% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นมาที่ 3.7%

ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง(เฟด)หลายรายออกมาให้ความเห็น โดยนายนีล คาชคารี ประธานเฟด สาขามินนิอาโปลิส ซึ่งเป็นกรรมการนโยบายการเงินที่มีสิทธิโหวตให้สัญญาณว่า เขาเปิดกว้างที่จะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน เพื่อที่เฟดจะได้ประเมินผลของการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างมากต่อเงินเฟ้อ

ด้านนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์ หลุยส์กล่าวว่า อยากเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยขึ้นอีก 2 สองครั้งในเร็วๆนี้แทนที่จะล่าช้าออกไปภายในปี 2023

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปปรับตัว โดย Micron Technology, Inc. ลบ 2% หลังจีนห้ามผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีของจีนใช้ชิปของบริษัท ซึ่งจะยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนมีมากขึ้นจากที่มีความขัดแย้งเรื่องเทคโนโลยีและความมั่นคงอยู่แล้ว

นักลงทุนยังรอการเผยแพร่รายงานประชุมนโยบายการเงินครั้งที่แล้วของธนาคารกลางสหรัฐในวันพุธ เพื่อหาข้อมูลบ่งชี้มุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย รวมทั้งรอข้อมูลการใช้จ่ายส่วนบุคคลสหรัฐในสัปดาห์นี้ ตลอดจนผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนกลุ่มค้าปลีก ทั้ง Dollar General, Costco ซึ่งจะสะท้อนภาพผู้บริโภคได้ชัดมากขึ้น

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย นักลงทุนรอผลการเจรจาขยายเพดานหนี้ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนกับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ รอบใหม่ รวมทั้งประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินทั้งจากสหรัฐและสหภาพยุโรป

แอนเดรีย ซิซิโอเน จากTS Lombard กล่าวว่า แม้การเจรจาถือเป็นปัจจัยบวก แต่ตลาดกังวลว่าการเจรจาก็อาจจะล่มได้ในนาทีสุดท้าย

ฟรองซัวส์ วิลเลรอย เดอ กาลฮาว ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศสและกรรมการธนาคารกลางยุโรป(ECB) กล่าวว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ECB น่าจะสิ้นสุดในช่วงสิ้นฤดูร้อน แต่ประเด็นคืออัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับสูงนานแค่ไหน

ด้านนายฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ECB กล่าวว่า นโยบายของ ECB มีประสิทธิภาพ และนักลงทุนดูเหมือนยังคงมีความเชื่อมั่นในความสามารถของ ECB ที่จะทำให้เงินเฟ้อกลับสู่กรอบเป้าหมาย 2%

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.1 จุดในเดือนพฤษภาคมจากเดือนเมษายน

หุ้นผู้ผลิตชิปในยุโรปไม่ได้รับผลกระทบจากการที่จีนห้าม Micron Technology, Inc. ของสหรัฐในการขายเมมโมรี ชิปให้กับอุตสาหกรรมสำคัญของจีน โดยหุ้น STMicroelectronics NV และหุ้น ASM International NV เพิ่มขึ้น 0.7% และ 1.9% ตามลำดับ

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 468.91 จุด เพิ่มขึ้น 0.06 จุด, +0.01
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,770.99 จุด เพิ่มขึ้น 14.12 จุด, +0.18%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,478.16 จุด ลดลง 13.80 จุด, -0.18
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,223.99 จุด ลดลง 51.39 จุด, -0.32%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน 44 เซนต์ หรือ 0.61% ปิดที่ 71.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 75.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล