ดาวโจนส์ปิดลบ 109 จุด คองเกรสระงับเจรจาขยายเพดานหนี้

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 109 จุด หลังมีการระงับการเจรจาการขยายเพดานหนี้รัฐบาล มองเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.อีก 0.25% ราคาน้ำมันดิบลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.43% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 ที่ 33,426.63 จุด ลดลง 109.28 จุด หรือ 0.33% หลังมีการระงับการเจรจาการขยายเพดานหนี้รัฐบาล ทำให้วิตกว่าอาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ ขณะที่นักลงทุนยังคงขานรับผลประกอบการไตรมาสแรกที่ดีกว่าคาด

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,191.98 จุด ลดลง 6.07 จุด, -0.14%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,657.90 จุด ลดลง 30.94 จุด, -0.24%

อย่างไรก็ตามในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 0.38% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.65% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 3.04% และเป็นการปรับขึ้นรายสัปดาห์ที่มากสุดของดัชนี S&P500 และ Nasdaq นับตั้งแต่เดือนมีนาคม

ตลาดที่ปรับขึ้นในวันพฤหัสบดีจากความหวังว่าการเจรจาขยายเพดานหนี้จะได้ข้อสรุป กลับอ่อนตัวในวันศุกร์ หลังนายแกร์เรต เกรฟส์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลิกัน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ให้เป็นหัวหน้าทีมเจรจาของฝ่ายสภาคองเกรส ได้วอล์คเอาท์ออกจากที่ประชุม พร้อมกับกล่าวว่า คณะเจรจาของฝ่ายเดโมแครตจากทำเนียบขาวไม่มีเหตุผล และกล่าวอีกว่า “เราจะไม่นั่งอยู่ตรงนี้และพูดกับตัวเอง”

นายเกรฟส์ ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า การเจรจาต้องระงับไว้เพราะไม่เกิดประโยชน์

ด้านนายแมคคาร์ธีซึ่งไม่ได้ร่วมอยู่ในการเจรจากล่าวว่า ทำเนียบขาวไม่ยอมตัดลดรายจ่าย “เราอยู่ในจุดที่ทำเนียบขาวและเราไม่มีความคืบหน้า” ดังนั้นต้องระงับการเจรจา

ในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ กระทรวงการคลังระบุว่า กระทรวงฯมีเงินทุนเหลืออยู่เพียง 92,000 ล้านดอลลาร์ในมาตรการพิเศษเพื่อช่วยให้รัฐฐาลยังใช้จ่ายได้ ณ วันที่ 17 พ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณ 88,000 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 10 พ.ค. และหมายความว่ายังมีเกินหนึ่งในสี่เพียงเล็กน้อยของ 333,000 ล้านดอลลาร์ตามมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลสหรัฐฯ หมดช่องที่จะกู้ยืมภายใต้วงเงินหนี้ตามกฎหมาย

ควินซี ครอสบีจาก LPL Financial กล่าวว่า “การวอล์คเอ้าท์ของผู้เจรจาเรื่องเพดานหนี้ของพรรครีพับลิกันปิดโอกาสที่จะได้ข้อสรุปก่อนเส้นตายที่กำลังจะมาถึง” ซึ่งจะทำให้โอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 14 มิถุนายนน้อยลง

นักลงทุนมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนอีก 0.25% ขณะที่นายเจอโรม พาวเวลล์ประธานเฟดส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย โดยกล่าวว่า อาจจะไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเท่าที่คาดไว้เพื่อคุมเงินเฟ้อ

หุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาคลดลงหลังนางเจเน็ต เยลเลนรัฐมนตรีคลังบอกกับผู้บริหารของธนาคารใหญ่ในการประชุมร่วมกันว่า อาจจำเป็นต้องมีการควบรวมระหว่างธนาคารอีก

หุ้น Western Alliance หุ้น PacWest ธนาคารระดับภูมิภาคต่างลดลงกว่า 4%

นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน

หุ้น Deere & Company ผู้ผลิตรถแทรกเตอร์และเครื่องการเกษตรลดลง 1.88% แม้เปิดเผยรายได้และกำไรดีกว่าคาดและปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรของทั้งปีบัญชี      

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยตลาดหุ้นเยอรมนีแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากความหวังว่า การเจรจาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐจะมีความคืบหน้า แม้หลังปิดตลาดแล้วได้มีการระงับการเจรจา

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน แม้เผชิญกับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

นักลงทุนยังจับตาทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลาง นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวว่า เส้นทางนโยบายการเงินมีความแน่นอนน้อยลงหลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งขันเป็นเวลากว่าหนึ่งปีเพื่อคุมเงินเฟ้อ ขณะที่นางคริสตีน ลาการ์ดประธานธนาคารกลางยุโรป ย้ำถึงความจำเป็นที่ ECB จะต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้สูง

ดัชนีราคาผู้ผลิตของเยอรมนีเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียราบปี ซึ่งสูงกว่าที่คาด

หุ้น JD Sports Fashion หุ้น Adidas และหุ้น Puma ลดลงระหว่าง 3.3% ถึง 7.8% หลังหุ้นฟุต ล็อกเกอร์ บริษัทค้าปลีกรองเท้าในสหรัฐปรับลดคาดการณ์ยอดขายและกำไรของปี

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 468.85 จุด เพิ่มขึ้น 3.06 จุด, +0.66%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,756.87 จุด เพิ่มขึ้น 14.57 จุด, +0.19%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,491.96 จุด เพิ่มขึ้น 45.07 จุด, +0.61%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,275.38 จุด เพิ่มขึ้น 112.02 จุด, +0.69%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 71.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.37% ปิดที่ 75.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล