HoonSmart.com>>PwC ประเทศไทย เผยผลสำรวจพบ 79% ของทายาทผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ไทย เชื่อ AI จะเป็นพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ
น.ส.สินสิริ ทังสมบัติ หัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจครอบครัว และหุ้นส่วนสายงานตรวจสอบบัญชี บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึง ผลสํารวจผู้นําธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ ประจําปี 2567 ฉบับประเทศไทย: ‘ความสำเร็จและการสืบทอดธุรกิจในยุค AI’ ว่า เน็กซ์เจนไทยมีมุมมองเชิงบวกต่อการเข้ามาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (Generative Artificial Intelligence: GenAI)เช่นเดียวกับเน็กซ์เจนทั่วโลก
ทั้งนี้ 79% ของผู้นำรุ่นใหม่ไทยกล่าวว่า AI เป็นพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจครอบครัว สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 73%
“เน็กซ์เจนไทยตระหนักดีถึงโอกาสที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี AI และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจครอบครัวไปสู่ดิจิทัล แต่ความท้าทายที่ยากยิ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ การเปลี่ยนวัฒนธรรมขององค์กรให้สอดคล้องกับความท้าทายใหม่ ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์กรที่บริหารและดำเนินการโดยครอบครัว” น.ส.สินสิริ กล่าว
น.ส.สินสิริ กล่าวว่า ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า เน็กซ์เจนไทยนั้นคาดหวังถึงการนำ GenAI มาใช้ขับเคลื่อนนวัตกรรมภายในธุรกิจครอบครัว โดยเกือบครึ่งหนึ่ง (48%) เชื่อว่า การใช้ประโยชน์จาก AI จะช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโต
ขณะที่ 45% กล่าวว่า GenAI จะเปลี่ยนแปลงวิธีที่บริษัทสร้าง ส่งมอบ และรวบรวมคุณค่าอย่างมีนัยสำคัญในอีกสามปีข้างหน้า
ถือเป็นความคิดเห็นที่สอดคล้องกันกับ ซีอีโอไทย 61% ที่เชื่อมั่นว่า GenAIจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจของพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญเช่นนี้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้นำรุ่นใหม่ไทยจะตระหนักดีว่า GenAI มีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจครอบครัวและกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งภายในและภายนอกประเทศและจะต้องเร่งนำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้กับธุรกิจแต่การสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากผู้นำรุ่นปัจจุบันที่มีความเชื่อแบบดั้งเดิมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เน็กซ์เจนไทย 48% กล่าวว่ามีแรงต่อต้านการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในองค์กร ขณะที่ 58% ได้สั่งห้ามการใช้ GenAI หรือยังไม่ได้เริ่มต้นสำรวจเทคโนโลยีนี้ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 49%
แม้เน็กซ์เจนไทยจะเชื่อว่า GenAI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอีกทั้งช่วยให้มีการตัดสินใจที่ดีขึ้น และผลผลิตของพนักงานมากขึ้น แต่พวกเขาก็ยังมีความกังวลเรื่องการใช้งาน โดยเน็กซ์เจนไทย 30%
กล่าวว่า GenAI มีแนวโน้มที่จะเพิ่มการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ ตามมาด้วยความรับผิดทางกฎหมาย (27%)
และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (27%)
“สิ่งที่ท้าทายสำหรับเน็กซ์เจนไทย คือ การสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากสมาชิกครอบครัวถึงศักยภาพของ GenAIที่จะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของธุรกิจในอนาคต นี่ทำให้ผู้นำรุ่นใหม่ต้องวางกลยุทธ์การใช้ AI ให้เหมาะกับธุรกิจมีการป้องกันความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ รวมไปถึงแนวทางการปฏิบัติและการกำกับดูแลการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ” น.ส.สินสิริ กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานยังพบด้วยว่า เน็กซ์เจนไทยมีความเข้าใจดีถึงความสำคัญของการสร้างความไว้วางใจจากการใช้ AI ให้แก่ผู้นำธุรกิจ พนักงาน และลูกค้า โดย 48% กล่าวว่า ธุรกิจครอบครัวมีโอกาสที่จะเป็นผู้นำในการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ
ขณะที่ 88% เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า ผู้บริหารและพนักงานควรได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้เข้าใจถึงความเสี่ยงและโอกาสที่อาจเกิดขึ้นจาก AI มีเพียง 12% เท่านั้นที่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว
น.ส.สินสิริ กล่าวว่า ในยุคที่ AI ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ เน็กซ์เจนไทยควรต้องผลักดันให้ธุรกิจครอบครัวนำเทคโนโลยี AIมาใช้ปรับปรุงวิธีการทำงานให้มีความทันสมัย รวมถึงมีการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติสำหรับการใช้งานอย่างเหมาะสมมีการป้องกันความเสี่ยงด้านไซเบอร์ รวมไปถึงลงทุนในการพัฒนากำลังแรงงานรูปแบบใหม่ให้สอดรับกับการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลของธุรกิจ
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบและช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับการปกป้องมรดกของครอบครัวให้คงอยู่ต่อไป