ซีอีโอ PTTGC สานต่อกลยุทธ์โตยั่งยืน เพิ่มกำไร-ดันมาบตาพุด Hub อาเซียน

HoonSmart.com>>”พีทีที โกลบอลฯ” (PTTGC ) โตอย่างยั่งยืน “ณะรงค์ศักดิ์ ” ซีอีโอ ควง”ทศพร” เอ็มดี แสดงวิสัยทัศน์ ลั่นใช้ประสบการณ์กว่า 30 ปี มาสานต่อกลยุทธ์ 3 Steps Plus สร้างโอกาสใหม่ มุ่งสู่กลุ่ม ธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนตํ่าทั้งใน-ตปท.ขาย B2C เพิ่ม ใช้ allnex เป็นเรือธงผลักดันมาบตาพุดขึ้นสู่ Hub ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ NatureWorks โรงงาน PLA เสร็จปี68 จับมือกลุ่มปตท.เกิดธุรกิจใหม่ หนุนอีบิทดา Specialty เพิ่มเป็น 30% ในปี 73 ปีนี้ซื้อหุ้นกู้คืนลดดอกเบี้ย 1,000 ล้าน

ณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ , ทศพร บุณยพิพัฒน์

นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  (ซีอีโอ) และนายทศพร บุณยพิพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ (เอ็มดี)  บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC ) ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือนพ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ร่วมแสดงวิสัยทัศน์และการขับเคลื่อนองค์กร  โดยใช้ประสบการณ์การบริหารงานครบทุกมิติในธุรกิจปิโตรเลียม ปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ทั้งในและต่างประเทศกว่า 30 ปี สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน  ประกาศเดินหน้าสานต่อกลยุทธ์ 3 Steps Plus ประกอบด้วย Step Change -Step Out- Step Up รักษาฐานให้แข็งแรง เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สร้าง Synergy ปรับพอร์ตโฟลิโอ มุ่งสู่กลุ่มธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนตํ่า (High Value & Low Carbon Business) รุกธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ หาโอกาสการเติบโตของมาบตาพุด และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับก้าวต่อไปของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล การสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ  โดยกลุ่มธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ Specialty Chemicals (ผลิตภัณฑ์พิเศษ) จะมุ่งเน้นการขยายตลาดและสร้างสรรค์เคมีภัณฑ์ผ่าน allnex ที่มีโรงงานและฐานธุรกิจสารเคลือบผิว (Coating Resins) อยู่ 34 แห่งทั่วโลก สำหรับการพัฒนาฐานการผลิต (Hub) ของ allnex ในทวีปต่างๆ นั้น ซึ่งประสบความสำเร็จในการพัฒนา China Hub จึงได้นำมาต่อยอดขยายฐานผลิตในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพการเติบโต ได้แก่ โรงงาน Mahad รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย และแห่งใหม่ในอนาคต รวมศูนย์การผลิต โรงงานมาบตาพุด ประเทศไทย เพื่อเป็น Hub ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ในตลาดเคลือบผิวในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ บรรจุภัณฑ์ โลหะอุตสาหกรรม เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งเคลือบผิวอาคารแบบพิเศษ (Special Decoration)

ส่วนกลุ่มธุรกิจ Bio และ Green นั้น  NatureWorks ผู้ผลิตไบโอพลาสติกประเภทโพลิแลกติกแอซิด (PLA) ระดับโลก ใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพชนิดย่อยสลายได้ สามารถนำไปใช้ในหลากหลายแอปพลิเคชัน เช่น แคปซูลกาแฟ ถุงชา และ วัสดุสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) ด้วยคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์เทรนด์ความยั่งยืน โดย PTTGC ถือหุ้น 50% ร่วมกับ Cargill อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิต PLA ครบวงจรแห่งใหม่ ที่นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ คาดแล้วเสร็จในปี 2568 ซึ่งจะเป็น Bio Complex แห่งแรกของประเทศไทย ที่ใช้น้ำตาลจากอ้อยเป็นวัตถุดิบหลักเพื่อผลิต Lactic Acid ซึ่งนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต PLA มีกำลังการผลิต 75,000 ตันต่อปี ช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้าน Bio และ Green ของประเทศ สร้างโอกาสแก่ภาคเกษตรกรรมและพัฒนาเศรษฐกิจไปอีกขั้น จะทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกเพื่อตอบสนองความต้องการวัสดุเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Material) สู่ตลาดโลก

นอกจากนี้  กลยุทธ์ Step Up หรือการสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ  บริษัทฯสานต่อแนวทางการบูรณาการหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ภายใต้กรอบของ ESG ( Environmental – Social – Governance สิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล) พร้อมเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Target) ภายในปี 2593 แนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การทำงานร่วมกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. ในโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Carbon Capture and Storage (CCS) ทั้งในการศึกษาเรื่อง Carbon Capture Technology ผ่านการลงทุนใน Corporate Venture Capital (CVC) และการศึกษาโอกาสในการนำไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ (Blue/Green Hydrogen) ไปใช้และพัฒนาโมเดลธุรกิจเพื่อต่อยอดเป็นธุรกิจแห่งอนาคต เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว สนับสนุนกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในส่วนของ  Specialty ให้เพิ่มเป็น 30% ในปี 2573 ตามเป้าหมาย จากปัจจุบัน 20% เพื่อลดความผันผวนของผลการดำเนินงาน และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า (B2C) จากที่ผ่านมาเป็น B2B

สำหรับก้าวต่อไปในการสร้างความเติบโตที่ยั่งยืนของ GC พร้อมสานต่อกลยุทธ์ 3 Steps Plus ใช้ Allnex  และ NatureWorks  เป็นเรือธงของ Specialty เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขันและการเติบโตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยนำความพร้อมด้านนวัตกรรม ศักยภาพการผลิตผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์และพลาสติกชีวภาพที่บริษัทฯมีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ มาต่อยอดและตอบสนอง แนวโน้มความต้องการของอุตสาหกรรมใหม่ตามเทรนด์โลก

“เราสร้างโอกาสใหม่ ธุรกิจอะไรที่แข็งแรงก็ทำต่อไป  แต่ถ้าไม่ ก็หาพันธมิตรเข้ามาช่วย ด้วยจุดแข็งของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดในด้านความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและทำเลที่ตั้ง เป็นศูนย์กลางการส่งออกสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดโลก วันนี้เราจึงได้เห็นแนวโน้มความสนใจการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ทันสมัยเกิดขึ้นมากมายในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ อัตราการใช้เคมีภัณฑ์ต่อประชากรยังมีโอกาสเติบโตอีกมากเมื่อเทียบกับทวีปอื่นๆ ซึ่ง PTTGC มีศักยภาพและความพร้อมตอบสนองความต้องการและสามารถร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมได้หลากหลาย จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของ PTTGC”นายณะรงค์ศักดิ์ กล่าว

ทางด้านนายทศพร กล่าวถึงบทบาทหน้าที่ในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ Step Change ว่า แนวทางที่สำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และการรักษาฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่างรอบด้านของบริษัทฯ จะเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนการผลิตและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยง Value Chain ให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด รวมถึงสามารถรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เคมีมูลค่าสูงที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ ในอนาคตได้เป็นอย่างดี นับเป็นการบริหารการลงทุนอย่างครบวงจรเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี  บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล  กล่าวว่า รายได้ในปี 2567 น่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 6.3 แสนล้านบาท ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง คาดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 80 เหรียญ/บาร์เรล แต่ยังได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตที่สูงขึ้น  เห็นได้จากปริมาณการขายของ Allnex ในไตรมาสแรกที่เติบโตแล้ว 10% ส่วนไตรมาสที่ 2  คาดว่าภาพรวมธุรกิจยังมีการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น แต่ธุรกิจโอเลฟินส์ยังมีความท้าทาย

นอกจากนี้บริษัทยังมีแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะกำลังการผลิตล้นตลาด จากผู้ผลิตในต่างประเทศที่มีต้นทุนต่ำ, เศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัวช้าจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์และราคาพลังงานสูง, ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยส่งผลต่อการเติบโตของดีมานด์, การแข่งขันจากผู้เล่นที่ได้เปรียบทางวัตถุดิบ, ความซับซ้อนทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อ Supply Chain และการลงทุน

“Cash   is king   เน้นสะสมเงินสด บริษัทฯยังคงเดินหน้าลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลดต้นทุนทางการเงิน คาดลดภาระดอกเบี้ยได้ 1,000 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ ผ่านการทยอยซื้อหุ้นกู้คืน ขณะที่บริษัทเตรียมบันทึกกำไรพิเศษจากการขายคืนหุ้นกู้มูลค่า 750 ล้านบาทในไตรมาส 2 นี้ด้วย ส่วนสภาพคล่องที่มีอยู่ ก็นำไปบริหารเพื่อสร้างผลตอบแทนผ่านการลิงก์กับความยั่งยืน”นางสาวภัทรลดา กล่าว

ปัจจุบัน PTTGC เป็นหนึ่งเดียวในโลกที่ได้รับการจัดอันดับจากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ในกลุ่ม World Index ให้เป็นที่ 1 ในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ 5 ปีต่อเนื่อง โดย S&P Global และล่าสุดกับการเป็นบริษัทไทยหนึ่งเดียวในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ และ เป็น 1 ใน 7 องค์กรไทย จากทั้งหมด 350 องค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ได้รับการประกาศเป็นองค์กรชั้นนำด้านสภาพอากาศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2567 (Asia-Pacific Climate Leaders 2024) โดย Financial Times จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของ Statista ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ