IRPC รุกธุรกิจผ่านนวัตกรรม ต่อยอดทรัพย์สิน ลดสต๊อกดันกำไร

HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี (IRPC)” ชูกลยุทธ์สร้างกำไรโตยั่งยืน พัฒนานวัตกรรม เพิ่มมูลค่าธุรกิจหลัก หาโอกาสจากธุรกิจใหม่ นำทรัพย์สิน ที่ดินที่บ้านค่ายจ.ระยองกว่า 2,000 ไร่ ร่วมทุนทำนิคมฯกับ WHA และที่จะนะจ.สงขลา มาสร้างท่าเรือเชิงพาณิชย์ ต่อยอดสร้างรายได้ เตรียมลดสต๊อก 10 ล้านบาร์เรลลงเหลือ 8 ล้านบาร์เรล เพื่อลดผลขาดทุน และลดการลงทุน สำรองเงินสดไว้รับมือราคาปิโตรเคมีที่แย่สุดในรอบ 10 ปี และใช้เงินลงทุนน้อยมาก จากงบปีนี้ที่ตั้งไว้ 10,399 ล้านบาท  ลั่นปี 66 มีกำไรชัวร์

นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) นำคณะผู้บริหารและพนักงานพร้อมสื่อมวลชน ไปเยี่ยมชมโครงการศูนย์เรียนรู้และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรผสมผสานสวนยายดา “เจ๊บุญชื่น”  IRPC Smart Farming จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา  นับเป็นหนึ่งในโครงการ CSR และเป็นโครงการต้นแบบ ที่บริษัทนำองค์ความรู้และนวัตกรรมมาช่วยเกษตรกรให้มีผลผลิตที่ดีขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลงมาตั้งแต่เดือนมิ.ย.2565  ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี คาดว่าจะส่งต่อถึงโครงการอื่นๆต่อไป และยังสร้างผลตอบแทนให้แก่บริษัทในอนาคตด้วย

“เราได้นำโครงการ “คลินิกหมอดิน” ศูนย์กลางการเก็บตัวอย่างดินเพื่อการวิจัยและพัฒนา เพื่อวัดคุณภาพดิน และวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหาร ทำให้ทราบความต้องการที่แท้จริง  เพราะบางครั้งเราใส่ปุ๋ย สูตรที่ให้สารอาหาร  NPK 16 16 16 เหมือนที่ผ่านมา แต่ดินอาจไม่ต้องการสารอาหารเหล่านี้ทั้งหมด จึงพัฒนาปุ๋ยสูตรเฉพาะให้กับเกษตรกร  และในปีนี้ออกผลิตภัณฑ์ซิงค์ออกไซด์นาโน “ปุ๋ยหมีขาว” สูตรใหม่ เพื่อนำมาใช้ทดสอบกับไม้ผล ต้นทุเรียนใกล้ตายเมื่อนำมาฝั่งที่ลำต้นแล้วทำให้ต้นกลับมาแข็งแรงขึ้น ส่วนการฉีดปุ๋ย ยังช่วยเพิ่มผลผลิตที่ดีขึ้นด้วย เช่น ทุเรียน มังคุด สละ เป็นต้น ปัจจุบัน IRPC พัฒนาปุ๋ยได้ 5 สูตร สามารถนำไปใช้ในโครงการอื่นๆ เพื่อให้สวนผลไม้ และสวนดอกไม้ออกดอกได้ดียิ่งขึ้น  โดยกำหนดรับวิเคราะห์และทดสอบดินให้แก่เกษตรกรรายละ 1 ตัวอย่าง “นายกฤษณ์กล่าว

นอกจากนี้การทำสวนทุเรียนจำเป็นต้องมีแหล่งน้ำ ที่ผ่านมาเกษตรกรลงทุนขุดบ่อน้ำไว้ใช้เอง IRPC มีการนำผลผลิตพลาสติกมาพัฒนา ทุ่นโซลาร์ลอยน้ำ  จุดเด่นผลิตไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง อายุการใช้งานยาวนานถึง 25 ปี มาใช้ในโครงการศูนย์เรียนรู้และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรผสมผสานสวนยายดา “เจ๊บุญชื่น” IRPC Smart Farming จังหวัดระยอง  ได้ไฟฟ้าทั้งหมด 5 MW/วันมาใช้ในเวลากลางวันได้  ปัจจุบันยังไม่มีแบตเตอรี่มากักเก็บพลังงาน  รอให้บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) พัฒนาแล้วเสร็จ จะมีความร่วมมือทางธุรกิจกับไออาร์พีซี

รวมถึงการจัดตั้ง “พาราโบลา โดม” โรงตากแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาสินค้าชุมชน เช่น พริกไทยตากแห้ง กล้วยตาก สมุนไพรอบแห้ง และใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น ตากเปลือกมังคุด เพื่อนำมาบดเป็นผง และพัฒนาออกแบบตราสัญลักษณ์ บรรจุภัณฑ์ผลไม้ ผลิตภัณฑ์ชุมชน

นายกฤษณ์กล่าวว่า แผนกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน นอกจากมีธุรกิจเดิมที่สร้างรายได้แน่นอนแล้ว ยังมีการต่อยอดขยายธุรกิจเดิม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ ซึ่งโครงการต้นแบบแห่งนี้ จะสร้างอนาคตให้กับบริษัท ปัจจุบันแม้ว่าธุรกิจจะยังมีขนาดไม่ใหญ่มากเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจหลักก็ตาม นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสจากธุรกิจใหม่อีกด้วย

ด้านนายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บัญชีและการเงิน บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดการสต็อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อลดการลงทุน และป้องกันการขาดทุนจากการสต็อกมากเกินไป ซึ่งมีเป้าหมายลดสต๊อกลงเหลือ 8 ล้านบาร์เรล จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาร์เรล  ส่วนงบลงทุนปีนี้ที่ตั้งไว้ในระดับ 10,399 ล้านบาท ก็ใช้ไปน้อยมาก บริษัทเน้นการสำรองเงินสดเพื่อรับมือกับภาวะราคาปิโตรเคมีที่แย่สุดในรอบ 10 ปี และการลงทุนจะต้องมีความชัดเจนพอสมควร

ส่วนการขยายธุรกิจใหม่ บริษัทวางแผนการกระจายพอร์ตการลงทุน เช่น การนำที่ดินที่บ้านค่ายจ.ระยอง เนื้อที่กว่า 2,000 ไร่  พัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ร่วมกับบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) คาดว่าจะสร้างรายได้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ส่วนที่ดินติดทะเลในอ.จะนะ จ.สงขลา บริษัทมีแผนเข้าประมูลโครงการโซลาร์ฟาร์ม ภาครัฐ รอบ 2 ในพื้นที่ อ.จะนะ รวมถึงบริษัทมีแผนนำที่ดินมาพัฒนา ให้เป็นท่าเรือเชิงพาณิชย์ เพื่อต่อยอดธุรกิจตามแผนระยะกลางและระยะยาว คาดว่าจะนำเรื่องเสนอบอร์ดกลางปีนี้

นายพิจินต์กล่าวถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2566 มั่นใจว่าจะมีกำไรสุทธิแน่นอน พลิกจากปี 2565 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 4,364 ล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 1/66 พลิกเป็นบวกแล้ว 301 ล้านบาท และบนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ราว 80-85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สูงขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 75 เหรียญสหรัฐ  ซึ่งระดับ 80 เหรียญสหรัฐ ถือเป็นจุดที่จะไม่ทำให้บริษัทขาดทุนสต็อกน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาส 2/66 ยอมรับว่ายังค่อนข้างเหนื่อย เนื่องจากส่วนต่างราคา (สเปรด) ปิโตรเคมียังอยู่ในระดับต่ำ โดยลงมาเหลือเพียง 14-15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 25 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทก็คาดหวังว่าราคาจะกลับขึ้นไปตามสมมติฐาน เนื่องจากครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลขับรถท่องเที่ยว (Driving Season) ในสหรัฐฯ และการปิดเทอมในต่างประเทศ พร้อมกันนี้ ในเอเชียยังมีดีมานด์ที่ดีอยู่ โดยเฉพาะจากประเทศจีนที่เริ่มฟื้นตัว แต่ในสหรัฐและยุโรปยังมีความต้องการลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวม