7 บลจ.ร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการคดีฟ้อง STARK ศาลอาญานัดสืบพยานครั้งแรก 14 ม.ค.68

HoonSmart.com>> สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ในฐานะตัวแทน 7 บลจ. เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการในคดีฟ้อง “สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น” (STARK) คดีอาญา 3 คดี ใน 8 ฐานความผิด ศาลอาญานัดสืบพยานครั้งแรก 14 ม.ค.68

ชวินดา หาญรัตนกูล

นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (Association of Investment Management Companies – AIMC) ในฐานะตัวแทนบริษัทจัดการลงทุนชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินการกรณีการลงทุนในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ยืนยันความรับผิดชอบสูงสุดต่อผู้ถือหน่วยลงทุน ตามที่บริษัทจัดการลงทุนจำนวน 7 บริษัท ได้มีการลงทุนใน STARK ผ่านการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement – PP) และปรากฏว่าได้มีการนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนดังกล่าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ตลอดจนมีการเปิดเผยงบการเงินอันเป็นเท็จ เป็นเหตุให้กองทุนภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการลงทุนได้รับความเสียหายนั้น

บริษัทจัดการ 7 บลจ.ภายใต้ AIMC ได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อรักษาและติดตามผลประโยชน์ของผู้ลงทุนอย่างเต็มความสามารถ โดยล่าสุดได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาในการเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการในการฟ้องคดีอาญาต่อ STARK และบริษัทในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรรมการผู้บริหาร บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 ศาลอาญาได้นัดพร้อมประชุมคดีและตรวจพยานหลักฐาน โดยมีคำสั่งอนุญาตให้รวมการพิจารณาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.433/2567 และ อ.441/2567 เข้ากับคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อ.90/2567 โดยให้ถือสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อ.90/2567 เป็นสำนวนหลัก จากนั้นได้พิจารณาคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทั้ง 7 แห่ง และมีคำสั่งอนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทั้ง 7 แห่ง เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการในคดีอาญาทั้ง 3 คดีดังกล่าว ใน 8 ฐานความผิด ได้แก่

1. ความผิดฐานเป็นกรรมการและผู้บริหารไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต

2. ฐานเป็นกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบการดำเนินการของนิติบุคคลโดยทุจริต หลอกลวง ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง

3. ฐานเป็นกรรมการผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคล ครอบครองทรัพย์ของนิติบุคคลเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต

4. ฐานเป็นกรรมการผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลกระทำการหรือไม่กระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่นิติบุคคลนั้น

5. ฐานเป็นกรรมการผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบการดำเนินงานของนิติบุคคล ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่ตรงกับความเป็นจริงเพื่อลวงให้นิติบุคคลดังกล่าวหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้

6. ฐานกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือโดยความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดตามมาตรา 306 มาตรา 307 มาตรา 308 มาตรา 311 และมาตรา 312 ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/7, 98/24, 306, 307, 308, 311, 312 และ 315 7. ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

8. ฐานเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นกระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 352 และ 353 โดยศาลอาญามีคำสั่งนัดสืบพยานครั้งแรกในวันที่ 14 มกราคม 2568