นักวิเคราะห์แนะซื้อ ITC ราคาลงต่ำกว่าเป้าใหม่ 22.4-27 บาท

HoonSmart.com>>”ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น(ITC)”พบนักวิเคราะห์ ผู้บริหารหั่นเป้าหมายผลงานปีนี้ลง หลังคาดยอดขายไตรมาส 2 ฟื้นตัวแรง นักวิเคราะห์ผิดหวังกำไรไตรมาสแรก แต่ยังคงแนะนำซื้อ จากราคาหุ้นไหลลงมาต่ำกว่าเป้าหมาย บล.เคจีไอกดลงเหลือ 23.60 บาท ปรับลดกำไรสุทธิปี 66-67 ลง 20-18%  บล.ทรีนีตี้ชี้เป้า 27 บาท บล.บียอนด์ตีมูลค่า 22.40 บาท 

บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น(ITC) ประชุมนักวิเคราะห์ โดยบล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์วันที่ 2 พ.ค.2566 ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลง 20% อยู่ที่ 3,530 ล้านบาทและปี 2567 ลง 18% อยู่ที่ 4,380 ล้านบาท ทำให้ราคาเป้าหมายลดลงจาก 29.30 บาทเหลือ 23.60 บาท อิงจาก P/E ที่ 20 เท่า ยังคงแนะนำซื้อ แม้ว่าผลลบจากการลดสินค้าคงคลังมีสูงกว่าที่คาดไว้มาก

ผู้บริหาร ITC ชี้ว่ายอดขายที่อ่อนแอลงในไตรมาสแรกปี 2566 เป็นผลหลัก ๆ มาจากการลดสต๊อกสินค้าคงคลัง (destocked inventory ) ของคู่ค้าในสหรัฐอเมริกาและยุโรป คาดปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายลงในไตรมาสที่ 2 แต่ยังไม่หมดไปทั้งหมด ทำให้ยอดขายอาจลดลง YoY แต่จะเติบโต QoQ ผลเชิงลบที่เกิดขึ้นกระทบต่อยอดขายมากกว่าที่บริษัทคาดไว้ บริษัทจึงปรับลดเป้าหมายสำหรับปี 2566 ลง ทั้งอัตราการเติบโตยอดขายอยู่ที่ 0 ถึง – 1% (จาก15-17%) ii) ปรับลดอัตรากำไรขึ้นต้น (GPM) ลงอยู่ที่ 22.5-23.5% (จาก 25%) และ ปรับ SG&A ต่อยอดขายอยู่ที่ 6.0-7.0% (จาก 5.5-6.5%)

อย่างไรก็ตามผู้บริหารคาดยอดขายจะฟื้นตัวแรงในไตรมาสที่ 2 และเติบโต YoY ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานของเรา ที่อิงตามยอดขายของแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ของโลกที่ยังเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสแรก ขณะที่ระยะเวลาขายสินค้าเฉลี่ย (Days inventory outstanding) ของแบรนด์รายใหญ่ (JM Smucker) ส่งสัญญาณว่ากำลังลดลงมาสู่ระดับปกติ สนับสนุนต่อมุมมองว่าวัฏจักรการลดสินค้าคงคลังอาจสิ้นสุดลงในไม่ช้า

นอกจากนั้น บริษัทยังมีลูกค้ารายใหม่ในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นรวมทั้งได้วางกลยุทธ์เปิดตลาดใหม่ ๆ อย่างในประเทศจีนและอังกฤษ ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายในครึ่งปีหลัง ส่วนในด้าน GPM เราคาดฟื้นตัวแรงในครึ่งปีหลัง หนุนจาก product mix ราคาปลาทูน่าลดลงตามราคาน้ำมันที่ลดลงและราคาขายสูงขึ้น

ส่วนการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2567 มาจากรายได้ลดลง 13% ทั้งสองปี  GPM ลดลง 1.1%เป็น 22.7% ปี 2566และ 1.0% อยู่ที่ 23.0% ในปี 2567 จากยอดขายต่ำลง และสมมติฐานราคาปลาทูน่าสูงขึ้นเล็กน้อยปี 2566 ปรับเพิ่ม SG&A ต่อยอดขายขึ้น 0.80%อยู่ที่ 6.3% ใน 2566 และ 0.40% เป็น 5.7% ในปี
2567 จากยอดขายที่ลดลง ปรับเพิ่มรายได้อื่นๆ ขึ้น เนื่องจากมีรายได้ดอกเบี้ยจากการลงทุนในตราสารหนี้ จากมีเงินสดจำนวนมากหลัง IPO และคาดมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนน้อยลงเพราะปริมาณขายลดลง

ด้านบล.ทรีนีตี้ เผย ITC รายงานกําไรสุทธิ ไตรมาสแรกปีนี้ที่ 425 ล้านบาท ลดลง 37% QoQ และ 53% YoY ต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ 555 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 3,590 ล้านบาท ลดลง 35.8% QoQ และ 16.7% YoY จากฐานที่สูงในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ที่กลุ่มลูกค้ามีการตุนสินค้าคงคลังเพื่อขายในช่วงวันหยุดยาว และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหา Logistic ที่เคยเกิดขึ้น ส่งผลให้มีการสั่งสินค้าไว้สูงกว่าปีอื่นๆ และมีการชะลอการสั่งสินค้าใหม่ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ กำไรขั้นต้นปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 17.4% อ่อนตัวลงทั้ง QoQ และ YoY จากการผลิตที่สูงขึ้น และสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม Premium ลดลง บริษัทมีการขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศจีน พร้อมขายสินค้าผ่านทาง Online Platformโดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 2 นี้

“เราปรับคาดการณ์กำไรปี 2566 ลง 17.7% เหลือ 3,760 ล้านบาท  และรายได้ลง 5.0% เป็น 2.18 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่มียอดขายและอัตรากำไรอ่อนตัวลง จากสัดส่วน Product Mix จากกลุ่ม Premium Products ที่ลดลงมาอยู่ที่ 43% จาก 50% ในปี 2565  แต่เรายังคงคาดว่าการเติบโตในอนาคตของ ITC ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด และคาดว่า Gross Margin จะสามารถกลับไปยืนได้ที่ 24-25%  จึงแนะนํา “ซื้อ”ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 27  บาท จาก 33 บาท ที่ P/E 21.7 เท่า  ใกล้เคียงระดับบริษัทฯที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงในตลาด ราคาปัจจุบันคิดเป็น P/E ที่ 16 เท่า คาดกำไรไตรมาสแรกเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดของปี 2566 และจะทยอยปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสที่ 2 หลังจากที่กลุ่มลูกค้าได้ระบายสินค้าคงคลัง ITC สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้จากฐานลูกค้าใหม่ จากการขยายกำลังการผลิตประมาณ 18.7% จากการก่อสร้างโรงงานใหม่ “บล.ทรีนีตี้ระบุ

บล.บียอนด์มีมุมมอง Slightly Negative หลังการประชุมนักวิเคราะห์ ปรับลดคำแนะนำจากซื้อลงเป็น “เก็งกำไร” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 22.40 บาทอิงเป้าหมาย P/E ที่ 20.9 เท่า โดยหลักๆจากอัตรากำไรขั้นต้นลดลงมากในไตรมาสแรก จึงปรับประมาณกำไรสุทธิปี 2566-2567 ลดลง 32% เป็น 3,200  ล้านบาท และลดลง 30% เหลือ 3,750 ล้านบาท ตามลำดับ ระยะสั้นยังไม่มีปัจจัยบวกหนุน คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาสแรกและจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในครึ่งปีหลัง และ ITC จะกลับมาเติบโตในปี 2567