3 โบรกฯลุ้นเห็น Buy in May เลือกตั้งหนุน เชียร์ 28 หุ้นเด่น

HoonSmart.com>>3 โบรกเกอร์ลุ้นเห็น Buy in May จาก 4 ปัจจัย ได้แรงหนุนจากเลือกตั้ง Valuation น่าสนใจกว่าภูมิภาค หวังผลประชุมเฟด แรงกดดัน DELTA น่าจะเบาลง  “ทรีนีตี้”เตือนให้ระวังแรงขายหลังเลือกตั้ง-ลดเสี่ยงก่อนประชุมกนง. เชียร์หุ้น BBL, KTB, BH, BDMS, CPALL, MAKRO, BJC, TLI, WHA, SC, SIRI, PR9, ADVANC, SAWAD, SNNP, BEM, SCGP, IVL, CK, KBANK, STEC, EA, AP, LH, BAM, OSP, MINT, AOT ส่วนหุ้นเดือนเม.ย.ดัชนีฯร่วงกว่า 80 จุดหรือ-4.97%จากเดือนมี.ค. ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7.89 พันล้านบาท

ตลาดหุ้นในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา (1-28 เม.ย.2566) ดัชนีร่วงไป 80.05 จุด หรือ -4.97% โดยดัชนีฯปิด (28 เม.ย.) ที่ 1,529.12 จุด ลดลงจากสิ้นเดือนมี.ค. ที่ปิด 1,609.17 จุด ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7,885.40 ล้านบาท รวม 4 เดือนแรกของปีนี้ขายสุทธิ 64,761.52 ล้านบาท

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นในเดือนพ.ค.นี้ คาดดีขึ้นในช่วงครึ่งเดือนแรก โดยปัจจัยภายในมองปรากฏการณ์ Election rally ที่มักเกิดขึ้นก่อนหน้าการเลือกตั้งจริงราว 2 สัปดาห์ น่าจะทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในกลุ่มหุ้น Domestic ขึ้นมาได้ ส่วนปัจจัยต่างประเทศมองไปยังปรากฏการณ์ Buy on Fact ที่น่าจะเกิดขึ้นหลังการประชุม FOMC วันที่ 3 พ.ค. เนื่องจากมีโอกาสน้อยที่จะเกิด Surprise ในทางลบ จากการที่จะไม่มีการเผยแพร่ประมาณการ Dot plots รอบใหม่ออกมา รวมถึงโทนของ Statement และการให้สัมภาษณ์ของนาย Jerome Powell ที่ไม่น่าจะมีทิศทาง Hawkish มากนักแล้ว ในภาวะที่ระบบธนาคารสหรัฐฯยังมีความไม่แน่นอนอยู่ รวมถึงแรงกดดันเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของเดือนพ.ค. โดยเฉพาะในช่วงหลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้วราว 1 สัปดาห์ แนะนำให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะหากผลการเลือกตั้งที่ออกมาไม่สามารถก่อให้เกิดกรณีที่พรรคแกนนำสามารถรวมเสียงได้เกิน 375 ที่นั่ง คาดว่าอาจเห็นปรากฏการณ์ Sell on fact ในตลาดเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นได้ราว 1 สัปดาห์ คล้ายกับสถิติที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

ส่วนของปัจจัยด้านนโยบายการเงิน หากที่ประชุมกนง.ในวันที่ 31 พ.ค.มีมติให้ขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 0.25% ไปอยู่ที่ 2.00% จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ PE Contraction ขึ้นในตลาดได้ ส่งผลให้ระดับ PE Multiple ที่เหมาะสมในตลาดจะถูกลดทอนลงมาจนกระทบกับระดับ SET ที่เหมาะสมในกรณีต่างๆ ด้วยเช่นกัน

ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำถือครองหุ้นที่ได้เข้าสะสมมาก่อนหน้านี้ เพื่อคาดหวังการขายทำกำไรในช่วงกลางเดือนพ.ค. หรืออย่างช้าหลังจากการเลือกตั้งราว 1 สัปดาห์ โดยกลุ่มหุ้นที่แนะนำถือครองยังคงได้แก่ กลุ่มภาคบริการของไทยที่ยังคงเห็น Demand แข็งแกร่ง ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ทนทานต่อแรงกดดันเงินเฟ้อ และมักอยู่ในธีม Election rally ในอดีต อย่างกลุ่มธนาคาร (BBL, KTB) โรงพยาบาล (BH, BDMS) และค้าปลีก (CPALL, MAKRO, BJC) ผสมผสานกับกลุ่มหุ้นที่มีธีมสนับสนุนในช่วง 1 เดือนข้างหน้า เช่น หุ้นที่ทางบล.ทรีนีตี้คำนวณว่าจะถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไปซึ่งได้แก่ TLI และ WHA ส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเลือกตั้งที่อาจเป็นสีสันสำหรับการเก็งกำไรในช่วง 2 สัปดาห์แรก มองไปยัง SC, SIRI, PR9 เป็นต้น

นายณัฐชาต กล่าวต่อว่า เหตุการณ์อื่นนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้นที่น่าติดตามในเดือนพ.ค.นี้ ได้แก่ 1. ปฏิกิริยาของราคาน้ำมันดิบ หลังเริ่มต้นมาตรการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ รอบใหม่เป็นจำนวน 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน 2. การประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 4 พ.ค. ตลาดคาด ECB จะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% 3. การประกาศรายชื่อสมาชิกชุดใหม่ของดัชนี MSCI ในวันที่ 11 พ.ค. 4. การประกาศผลประกอบการ 1Q23 ของบริษัทจดทะเบียนที่เหลือ และแนวโน้มการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคาดการณ์ EPS ของตลาดและ Valuation ของดัชนี 5. พัฒนาการของหุ้น STARK เกี่ยวกับการส่งงบฯ และ 6. พัฒนาการของหุ้น DELTA หลังการแตกพาร์ ซึ่งจะส่งอิทธิพลต่อดัชนีได้

บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า เดือน พ.ค.ปีนี้ เป็นไปได้ที่จะเห็นปรากฎการณ์ Buy in May มากกว่า Sell in May จริงอยู่ที่ภาพใหญ่ทั้งปี 2566 มองภาพตลาดในมุมที่ Upside จำกัด โดยให้เป้าหมายไว้เพียง 1,610 จุด แต่ในระยะสั้น ช่วงครึ่งหลังของไตรมาส 2-ต้นไตรมาส 3 เป็นช่วงเวลาที่อาจเปิดช่องให้ทำกำไรได้ ทั้งนี้เพราะผลประกอบการไตรมาส 1 ฟื้นตัวโดดเด่น และสูงกว่า Bloomberg Consensus ส่วน Election Rally ซึ่งในเชิงของสถิติพบว่า 1 –2 สัปดาห์หลังเลือกตั้ง SET Index มักปรับตัวขึ้น และแรงกดดันจาก DELTA น่าจะเบาลงหลังเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาปรับลงแรง

ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะสิ้นสุดลงหลังปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบต้นเดือน พ.ค.นี้ นอกจากนี้อีกมุมหนึ่งของสถิติพบว่าหากปีใดที่ 4 เดือนแรกของปีให้ผลตอบแทนติดลบ ปรากฎการณ์ Sell in May จะไม่เกิด และด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงเชื่อว่าน่าจะกลายเป็น Buy in May เดือน พ.ค.ปีนี้

กลยุทธ์แนะน่าสะสมหุ้นก่าไรไตรมาส 1/66 ฟื้น SNNP,BEM,SCGP,IVL และหุ้นเด่นรับ Election Rally คือ CPALL,CK,SAWAD,ADVANC หุ้น Top Pick เลือก ADVANC, SAWAD และ SNNP

บล.เอเอสแอล คาดเกิด Sell in may and go away ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หากไม่ส่งสัญญาณยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะทำให้ภาพ soft landing ในครึ่งหลังปี 2566 เป็นไปได้ยาก และอาจเกิดเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างเด่นชัด โดยเฉพาะ PMI ภาคการผลิต และประเด็นเพดานหนี้ (Debt ceiling) ที่เชื่อว่าตลาดจะให้น้าหนักช่วงกลางเดือน พ.ค. เป็นต้นไป ทั้งนี้จากข้อมูลสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่าหากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เกิด Sell in may ตลาดหุ้นไทยมักจะปรับตัวลงตาม แต่ตลาดหุ้นไทย ได้แรงหนุนจาก Sentiment การเลือกตั้ง และในเชิง Valuation ตลาดที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับภูมิภาค

กลยุทธ์แนะนำเลือกซื้อหุ้นรายตัว จาก 1.Earning play โดยแนวโน้มผลประกอบการแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่คาดว่างบไตรมาส 1/2566 ออกมาดี YoY ชอบ OSP,BJC ADVANC และอีกกลุ่มได้แก่งบไตรมาส 1/2566 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี ก่อนจะฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี โดยชอบ MINT,AOT 2. Election rally ที่มักให้ผลตอบแทนที่เด่นชัดก่อนเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ ADVANC, KBANK, BBL,SC,SIRI,WHA,STEC, CPALL,EA 3.อัตราผลตอบปันผลสูง AP, LH, BAM

ด้านตลาดหุ้นวันแรกของเดือนพ.ค.(2) ระหว่างวันหลุดแนวรับสำคัญ 1,520 จุด ก่อนเด้งมาปิดลบแค่ 0.69 จุด ที่ 1,528.43 จุด มูลค่าซื้อขาย 39,979 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อกลุ่มเดียว 1,486 ล้านบาท ขณะที่กองทุนขายสุทธิ 406 ล้านบาท บัญชีโบรกเกอร์ ขายสุทธิ 686 ล้านบาท และรายย่อย ขายสุทธิ 394 ล้านบาท