บลจ.ยังมองบวก “หุ้นอินเดีย” กำไรบจ.แกร่ง เชื่อรัฐบาลผสมหนุนเศรษฐกิจโตต่อ

HoonSmart.com>> บลจ.ยังคงมุมมองบวก “หุ้นอินเดีย” ในระยะกลาง-ยาว หลังผลเลือกตั้งรัฐบาลเดิม พรรค BJP “โมดี” คว้าชัยชนะ แต่เสียงไม่ถล่มทลายอย่างคาดมากพอจัดตั้งรัฐบาลด้วยพรรคเดียว กระทบ Sentiment ตลาดระยะสั้น “JP Morgan” มองรัฐบาลผสมดีต่อหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภคมากขึ้น ด้านบลจ.กสิกรไทย ชี้ “กำไรบริษัทจดทะเบียน” แข็งแกร่งหนุนการเติบโต “ฟินโนมีนา ฟันด์” มองเป็นโอกาสทยอยสะสม

ผลการเลือกตั้งอินเดีย พรรค BJP นำโดย “นเรนทรา โมดี” ชนะเลือกตั้ง ได้สานต่อตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ 3 แต่คะแนนเสียงไม่ได้ถล่มทลายอย่างที่คาดการณ์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวลงแรง เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็กซ์สปริง มองผลการเลือกตั้งอินเดียผิดคาด ซึ่งไม่มากพอที่พรรคของนาย นเรนทรา โมดีจะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ด้วยพรรคเดียว ซึ่ง Nikkei Asia คาดว่ามีโอกาสที่พรรค BJP จะต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยเสียคะแนนไปในรัฐที่อยู่ไกลออกไป โดยเฉพาะในเขตรัฐฮินดู ซึ่งสะท้อนว่าการจัดลำดับความสำคัญทางเศรษฐกิจของ BJP อาจจะยังไม่ใช่นโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งทำให้คาดว่าการจัดตั้งรัฐบาลต้องมีพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามา ขณะที่ JP Morgan Economist มองว่าจะดีกับหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภคมากขึ้น เนื่องจากพรรคร่วมจะโปรนโยบายแนวแจกจ่ายมากขึ้น โดยเมื่อวานมีหุ้นกลุ่ม Comsumption บางตัวที่สามารถบวกสวนตลาดได้

บลจ.เอ็กซ์สปริง มองว่าเหตุการณ์นี้เป็น 1-Time Shock คล้ายๆช่วงหลายเดือนก่อนที่หุ้นเวียดนามมีแรงเทขาย เพราะความกังวลเปลี่ยนผู้นำระดับสูงพรรคคอมมิวนิสต์ หรือเหตุการณ์เซอร์ไพรส์ที่ตลาดลงแรงเช่นตอน BREXIT ปี 2016

มองเป็นโอกาสสำหรับระยะกลาง/ยาวมากกว่า แม้ว่าสำหรับนักลงทุนระยะสั้น โมเมนตัมอาจจะเสียไปพอสมควร (Slightly Overweight India)

ด้าน Finnomena Funds มองการปรับตัวลงของตลาดหุ้นอินเดีย เป็นเพียงเชิงปัจจัยลบตาม Sentiment ระยะสั้น แม้จำนวนที่นั่งของกลุ่ม NDA จะต่ำกว่าที่ตลาดเคยคาด แต่ก็มากกว่ากึ่งหนึ่งและสามารถเป็นเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงมองเป็นโอกาสในการสะสมกองทุนหุ้นอินเดีย แนะนำทยอยสะสมในกองทุน B-BHARATA

บลจ.กสิกรไทย เผยจากข้อมูลในสถิติ ไม่ว่าพรรคใดจะชนะการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นอินเดียก็จะยังถูกขับเคลื่อนจากกำไรบริษัทจดทะเบียน และสามารถเติบโตได้ดีอยู่

“บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นอินเดีย พื้นฐานทางเศรษฐกิจอินเดียยังคงแข็งแกร่ง และคาดการณ์อัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ปีนี้จะเติบโตได้ประมาณ 17% แต่ตลาดหุ้นสะท้อนภาพบวกไปค่อนข้างมาก ล่าสุดยังทำนิวไฮไปเมื่อ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นแพงและน่าสนใจน้อยกว่าภูมิภาคอื่น”

ทั้งนี้ นเรนทรา โมดี จะได้เป็นผู้นำสมัยที่ 3 หลังจากที่ดำรงตำแหน่งมาแล้ว 2 สมัย หรือ 10 ปี (2014 – 2024)
.
ความสำเร็จในการบริหารประเทศของนายโมดี ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา ทำให้อินเดียถูกจับตาว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก ได้ภายในปี 2030 ด้วยแรงสนับสนุนหลักจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง อาทิ ประชากรวัยแรงงานที่กำลังเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลมีการลงทุนต่อเนื่อง และพยายามดึงดูด FDI เข้ามามากขึ้น รวมทั้งการปฏิรูปในด้านต่างๆ โดยเศรษฐกิจอินเดียมีการขยายตัวสูงถึง 7.8% ในไตรมาส 1/2024 (ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ 2023-2024 ของอินเดีย) สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.7% ได้แรงหนุนจากภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ IMF ประมาณการในเดือนเม.ย.ว่า อินเดียจะแซงหน้าญี่ปุ่นในปีหน้า ขึ้นมาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐฯ จีน และเยอรมนี

ด้านบลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ระบุว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. มูลค่าตลาดหุ้นอินเดียหายไป 386,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังมีสัญญาณว่าพรรคของนายกรัฐมนตรี Narendra Modi อาจไม่ได้ครองที่นั่งส่วนใหญ่แบบขาดลอยในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ NSE Nifty 50 Index ในมุมไบดิ่งลง 5.9% หรือเป็นวันที่แย่ที่สุดในรอบกว่า 4 ปี หลังผลการนับคะแนนปรากฎว่าพรรค Bharatiya Janata และพันธมิตรในฝ่าย National Democratic Alliance ได้เสียงมากกว่า 290 ที่นั่ง ซึ่งมากกว่าจำนวน 272 ที่นั่งเพียงเล็กน้อย โดยตัวเลข 272 ที่นั่ง เป็นตัวเลขต่ำสุดที่ทำให้ครองเสียงข้างมากในรัฐสภา และถือว่าน้อยกว่าที่เคยชนะเมื่อปี 2019 ซึ่งตอนนั้นได้เสียงประมาณ 350 ที่นั่ง

อย่างไรก็ตามชัยชนะแบบไม่ขาดลอยแบบนี้ทำให้เกิดความกังขาว่ารัฐบาลใหม่จะสามารถผลักดันการปฏิรูปกฎหมายสำคัญๆ เช่น กฎหมายที่ดินและกฎหมายแรงงานได้หรือไม่ ซึ่งนักลงทุนบางส่วนมองว่ากฎหมายดังกล่าวมีความสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย

บลจ.เอ็มเอฟซี มีมุมมองการลงทุนระยะสั้นและยาวยังให้น้ำหนัก Overweight แนะนำกองทุน MINDIA ป็นกองทุนประเภท Feeder Fund ลงทุนในกองทุนหลัก Jupiter India Select Fund โดยมี Morningstar 5 ดาว บริหารจัดการโดย Jupiter Asset Management Limited ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ หรือมีฐานที่ตั้งในประเทศอินเดีย และแสวงหาโอกาสการลงทุนในปากีสถาน บังคลาเทศ ศรีลังกา ภูฏาน เนปาล และมัลดีฟส์

จุดเด่น MINDIA ลงทุนใน Jupiter India Select ที่เน้นลงทุนในประเทศอินเดียเป็นหลักและแสวงหาโอกาสการลงทุนใน ปากีสถาน, บังคลาเทศ, ศรีลังกา, ภูฏาน, เนปาล, และมัลดีฟส์ บริหารการลงทุนโดย Jupiter Asset Management Limited ที่มีประสบการณ์มากว่า 39 ปี และมีความเชี่ยวชาญด้าน การลงทุนในอินเดีย นำทีมโดย Avinash Vazirani ที่ได้รับรางวัลผู้จัดการกองทุนระดับ AA จาก Citywire โอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว จากการคัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up จำนวน 60-80 ตัว เลือกหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูง ในราคาที่สมเหตุสมผล (Growth At a Reasonable Price) และกระจายการลงทุนในหุ้น All Cap ทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก และกระจายในหลากหลาย Sectors

ด้านผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นอินเดียโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมาแรงหนุนจากเศรษฐกิจขยายตัวโดดเด่น กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต