ดาวโจนส์ปิดลบ 228 จุด วิตกเสถียรภาพธนาคาร

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วง 228 จุด กังวลเสถียรภาพของธนาคารระดับภูมิภาค กลบผลประกอบการที่แข็งแกร่งขอไมโครซอฟต์และอัลฟาเบท ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.47% ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 3.6% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 26 เมษายน 2566 ที่ 33,301.87 จุด ลดลง 228.96 จุด หรือ 0.68% จากความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของธนาคารระดับภูมิภาคกลบผลประกอบการที่แข็งแกร่งขอไมโครซอฟต์และอัลฟาเบท

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,055.99 จุด ลดลง 15.64 จุด, -0.38%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,854.35 จุด เพิ่มขึ้น 55.19 จุด, +0.47%

หุ้น First Republic Bank ลดลงอีก 30% จากที่ลดลง 49% ในวันอังคาร หลังรายงานว่าในไตรมาสแรก เงินฝากลดลง 40% หรือกว่า 100 พันล้านดอลลาร์มาที่ 104.5 พันล้านดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนกลับมาวิตกเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบธนาคาร ขณะเดียวกันสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลภาคธนาคารของสหรัฐกำลังพิจารณาปรับลดการประเมิน First Republic Bank ซึ่งจะจำกัดความสามารถของธนาคารในการกู้ยืมเงินจากโครงการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ขณะเดียวกันสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีรายงานว่า ที่ปรึกษาทางการเงินได้รายชื่อนักลงทุนที่อาจจะสนใจซื้อหุ้นของ First Republic Bank ตามแผนแก้ไขปัญหาการเงิน

ด้านธนาคาร PacWest Bancorp ​บวก 7% หลังรายงานผลกำไรต่อหุ้นดีกว่าที่คาด แต่ไม่มากพอที่จะหนุนการปรับตัวลง ที่มาจากการลดลงของเงินฝากที่มากกว่าคาดของ First Republic Bank

ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของไมโครซอฟต์และอัลฟาเบทช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และดัชนี Nasdaq ให้ปิดบวก หุ้นไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้นกว่า 7% มาซื้อขายที่ระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี แต่การเข้าซื้อกิจการ Activision Blizzard ผู้ผลิตวิดีโอเกมรายใหญ่ของสหรัฐ อาจจะไม่ราบรื่น หลังมีรายงานว่าหน่วยงานกำกับดูแลของอังกฤษได้ออกมาขัดขวางเพราะกังวลการผูกขาดธุรกิจ

หุ้นอัลฟาเบทลดลง 0.1% แม้ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ดีกว่าคาด แต่รายได้เพิ่มขึ้นเพียง 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

หุ้นแอมะซอนบวกกว่า 2% ตลาดคาดว่าธุรกิจคลาวด์ของบริษัทจะมีรายได้ที่เติบโตแข็งแกร่ง

นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ หลังกระทรวงพาณิชย์เผยแพร่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ที่ไม่รวมเครื่องบิน เดือนมีนาคมลดลง 0.4% มากกว่า 0.1% ที่นักวิเคราะห์คาด แต่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนทั่วไป ซึ่งรวม เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 3.2% จากที่ลดลง 1.2% ในเดือนกุมภาพันธ์

นักลงทุนยังจับตาการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจ ทั้งผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟด ให้ความสำคัญ เพื่อประเมินว่าเงินเฟ้อลดลงหรือไม่และธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคมหรือไม่

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลังหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ลดลง 2.5% เป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2022 จากการที่สหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยร่างข้อเสนอเพื่อยกเครื่องกฎหมายกำกับดูแลอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์

หุ้นผู้ผลิตยารายใหญ่ที่สุดของยุโรป Roche, Novo Nordisk, GSK และ AstraZeneca ลดลง 2.5-3.9% ขณะที่กลุ่มเฮลธ์แคร์รายงานผลการดำเนินงานที่ผสมปนเปกัน โดย Roche มียอดขายไตรมาสแรกลดลง แต่ GSK มีผลการดำเนินงานดีกว่าคาด

นักลงทุนรอผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป( European Central Bank) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งผลสำรวจนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่า ECB จะปรับดอกเบี้ยขึ้น 0.25% ในการประชุมวันที่ 4 พฤษภาคมและปรับขึ้นอีกไปจนถึง 3.50% หรือสูงกว่านั้นในเดือนมิถุนายน

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 463.21 จุด ลดลง 3.87 จุด, -0.83%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,852.64 จุด ลดลง 38.49 จุด, -0.49%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,466.66 จุด ลดลง 64.95 จุด, -0.86%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,795.73 จุด ลดลง 76.40 จุด, -0.48%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 2.77 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 74.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 3.08 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 77.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล