HoonSmart.com>> 3 โบรกเกอร์ฟันธงหุ้นช่วงกลางปีแกว่งซึมลง จากการเมืองไม่แน่นอนกดดันให้ต่างชาติยังขายไม่เลิก กังวลเฟดเลื่อนปรับลดดอกเบี้ย มองจุดต่ำสุด 1,130 ลุ้นปลายปีได้แรงหนุนจากการกลับมาของ LTF, การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐ, Digital Wallet มองจุดสูงสุด 1,450 จุด ชูหุ้นเด่นในช่วงที่เหลือของปีนี้ BDMS, PR9, GFPT, HANA, PTTEP, ONEE, SCGP, AOT, MINT, CK, CPALL, TU, ADVANC, CPN, BBL, AMATA, BH
นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีคาดว่าดัชนีฯคงจะแกว่งตัวในลักษณะซึม ๆ จากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่มีอยู่หลายเรื่อง ทั้งเรื่อง”เศรษฐา ทวีสิน”, เรื่องของ”ทักษิณ ชินวัตร” (อัยการสูงสุดยื่นฟ้องในคดีม.112) รวมถึงการยุบพรรคก้าวไกลด้วย ซึ่งนักลงทุนในประเทศอาจจะชินกับเรื่องการเมือง แต่นักลงทุนต่างชาติไม่ชิน จึงยังไม่เลิกขายหุ้นไทย ทำให้ตลาดเหนื่อย
อย่างไรก็ดี ตลาดยังมีตัวช่วยอย่างกองทุน LTF จะต้องจับตาดูว่าจะออกมาได้เร็วแค่ไหน และวงเงินเท่าไร รวมถึงจะให้ลงทุนหุ้นไทยอย่างเดียวหรือไม่ ถ้าไม่จำกัดการลงทุนหุ้นไทยอย่างเดียว ก็อาจช่วยหนุนตลาดไม่ได้ เพราะอาจไปลงทุนอย่างอื่น รวมถึงเศรษฐกิจไทยยังไม่ไปไหน ต่างประเทศยังไม่ปรับลดดอกเบี้ย ไทยก็คงจะยังไม่กล้าลดดอกเบี้ย
“หุ้นไทยโดนมาร์จิ้นคอลเยอะ ทำให้ Sentiment แย่หน่อย แต่หากเศรษฐกิจไทยดี ๆ มี LTF มาช่วยหนุน การเมืองออกมาในทางที่ดี ก็อาจทำให้ดัชนีฯขึ้นไปเล่นแถว 1,400 จุด ปลาย ๆ ได้”นายเกษมกล่าว
สำหรับหุ้นที่น่าลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้มองกลุ่ม Defensive ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรงพยาบาล, หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ในกลุ่มอาหาร, อิเล็กทรอนิกส์บางตัว พร้อมแนะนำหุ้น BDMS, PR9, GFPT, HANA, PTTEP
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดในเดือนมิ.ย.อาจต้องเลือกเล่นหุ้นรายตัวตามปัจจัยเฉพาะตัว เนื่องจากตลาดคงจะแกว่งซึมตัวลง เพราะไม่มีปัจจัยบวกใหม่มาช่วยหนุน ขณะเดียวกันยังมีความกังวลอยู่หลายปัจจัย ลุ้นไม่ให้ดัชนีฯต่ำกว่า 1,330 จุด หากหลุดจะลงไปทดสอบแถว 1,300 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,365-1.375 จุด
“สัญญาณไม่ค่อยดีจากตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติเปิด Short ไว้ค่อนข้างมากในช่วงนี้ และในเดือนมิ.ย.เป็นช่วงปิดงบฯไตรมาส 2 ด้วย ซึ่งเป็นไตรมาสที่งบฯไม่น่าจะดีนัก แต่เชื่อว่าตลาดได้รับรู้ไประดับหนึ่งแล้ว ทำให้ตลาดยังไม่น่าสนใจ และมีโอกาสที่จะแกว่งซึมลง”
แต่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ทิศทางตลาดน่าจะดีขึ้นได้ จาก Digital Wallet และการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐฯ ทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก มีแนวโน้มที่จะปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น คาดจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะฟื้นตัวแรงขึ้น ครึ่งปีหลังจึงมองแนวรับไว้ที่ 1,350 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400-1,450 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจ อยู่ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) โดยเฉพาะพวกต้นน้ำ อย่าง PTTEP แนะนำ”ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 200 บาท กลุ่ม Commodity ได้แรงหนุนจากโอกาสที่”โดนัลด์ล ทรัมป์” จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง ซึ่ง”ทรัมป์”มีนโยบายที่จะหนุนธุรกิจน้ำมัน และหุ้น SCGP น่าสนใจ ได้ดีมานด์จากจีน ให้ราคาเป้าหมาย 38 บาท ส่วนกลุ่มธนาคารยังไม่น่าสนใจ เพราะตอนนี้คนเข้าถึงสินเชื่อได้ยากจากความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ส่วนหุ้น ONEE น่าสนใจเพราะราคาลงไปอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ๆ ตอนนี้เหลือ 3 บาทเศษเท่านั้น จากราคาขาย IPO ที่ 10 บาท แม้ว่ากลุ่มบันเทิงจะ Underweight แต่ ONEE เป็นหุ้นดีสุดในกลุ่มนี้ และคาดกำไรไตรมาส 2-3 จะ Turnaround ด้วย จากรายได้ Content และโฆษณา ที่ดี โดยให้ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท
นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) คาดว่า ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงก่อนในช่วงกลางปีนี้จากความไม่แน่นอนทางการเมือง และเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้หรือไม่ ยังมีความไม่แน่นอนเช่นกัน ช่วงสั้นถ้าดัชนีฯยังไม่ยืนเหนือ 1,390 จุด มีโอกาสแกว่งซึมลง หากหลุด 1,330 อีกจะมีแนวรับสำคัญอยู่แถว 1,255-1,130 จุด หากดัชนีลงไปทดสอบแถวนี้จริงก็อาจเด้งขึ้นแรงได้ เนื่องจาก Valuation ถูก ทำให้น่าสนใจเข้าไปลงทุน
ส่วนช่วงปลายปีดัชนีฯมีโอกาสปรับตัวขึ้น แรงหนุนจากเงินเฟ้อสหรัฐที่มองว่าในที่สุดแล้วก็จะทยอยเข้าเป้าหมาย 2% ที่วางไว้ ทำให้เฟดมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น เงินไหลเข้ามา แม้จะปรับลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวก็ยังดี อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐอีก และการมี Digital Wallet จะหนุนกำลังซื้อในประเทศได้
นางอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ หุ้นที่น่าลงทุน คือ กลุ่มท่องเที่ยว แนะนำ AOT ราคาเป้าหมาย 80 บาท, MINT ราคาเป้าหมาย 39 บาท, หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเบิกจ่ายงบประมาณ แนะนำ CK ราคาเป้าหมาย 26 บาท, หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Digital Wallet แนะนำ CPALL ราคาเป้าหมาย 72 บาท, หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า แนะนำ TU ราคาเป้าหมาย 17 บาท, GFPT ราคาเป้าหมาย 16.30 บาท รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวจะได้ประโยชน์หากนำ LTF กลับมา แนะนำหุ้น ADVANC ราคาเป้าหมาย 250 บาท, หุ้น CPN ราคาเป้าหมาย 80 บาท, หุ้น BBL ราคาเป้าหมาย 189 บาท, หุ้น AMATA ราคาเป้าหมาย 30 บาท, หุ้น BDMS ราคาเป้าหมาย 35 บาท และหุ้น BH ราคาเป้าหมาย 293 บาท