HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 2.20 จุด ได้ DELTA หนุน แต่แนวโน้มอ่อนตัวหลังหลุด 1,550 จุด แรงกดดันมาจากกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงสูงเข้าหากสินทรัพย์เสี่ยงต่ำสะท้อนผ่านบอนด์ยีลด์ที่ปรับลง ด้านหุ้น MGC เปิดเทรดวันแรก 8.45 บาท เหนือจอง 6.29%
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 26 เม.ย.2566 ณ เวลา 10.00 น.อยู่ที่ระดับ 1,542.40 จุด เพิ่มขึ้น 2.20 จุด หรือ +0.14% มูลค่าซื้อขาย 1,477.82 ล้านบาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาด SET Index ยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อเนื่องหลังหลุดแนวรับ 1,550+- จุดวานนี้ โดยมีแนวรับหลักถัดไปที่ Low เดิมบริเวณ 1,500-1,520 จุด ปัจจัยกดดันยังมาจากฝั่งต่างประเทศจากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยปลายสัปดาห์ต้องติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 1/66 ของทั้งสหรัฐฯและยูโรโซน รวมถึงเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างหุ้น เข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรชัดเจนสะท้อนผ่าน Bond Yield ที่ปรับลง รวมถึงสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
อย่างไรก็ตามหุ้น Domestic Play โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าบริการจำเป็นยังสามารถเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาด และคาดมีแนวโน้มผลการดำเนินงานทยอยฟื้นตัวในไตรมาส 1/66 เป็นต้นไป ตามทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่ภาพรวมการเติบโตในฝั่งเอเชียยังดูแข็งแกร่งกว่าฝั่งตะวันตก ทำให้คาดว่าตลาดหุ้นเอเชียจะมี Downside จำกัดกว่า นอกจากนี้หากผลการเลือกตั้งของไทยออกมาในเชิงบวกโดยมีแนวโน้มจัดตั้งรัฐบาลใหม่อย่างมีเสถียรภาพได้จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดฯใน 2H23-2024 เราจึงยังเน้นลงทุนในหุ้น Domestic Play เป็นหลักเช่นเดิม ระยะสั้นเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดกำไร 1Q23 แข็งแกร่ง
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น 838 ล้านเหรียญสหรัฐ กระจุกตัวที่ไต้หวัน 706 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเกาหลีใต้ไหลออกเล็กน้อย 73 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่อาเซียนเม็ดเงินไหลออกเช่นกันนำโดยไทย 50 ล้านเหรียญสหรัฐ แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าว่ายังไหลออกต่อเนื่องแต่ปริมาณบางลง ปัจจัยสำคัญที่ยังรอติดตามคือตัวเลข GDP ไตรมาส 1/66 ของทั้งสหรัฐฯและยูโรโซน รวมถึงเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯปลายสัปดาห์
หุ้น MGC เปิดเทรดวันแรกที่ 8.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +6.29% จากราคาขาย IPO ที่ 7.95 บาท/หุ้น
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
MGC อยู่ที่ 8.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท หรือ +4.40% มูลค่าซื้อขาย 480.33 ล้านบาท
AOT อยู่ที่ 72.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.35% มูลค่าซื้อขาย 125.60 ล้านบาท
DELTA อยู่ที่ 910.00 บาท เพิ่มขึ้น 22.00 บาท หรือ +2.48% มูลค่าซื้อขาย 98.92 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 153.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ -1.60% มูลค่าซื้อขาย 96.56 ล้านบาท
CPALL อยู่ที่ 64.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.39% มูลค่าซื้อขาย 65.83 ล้านบาท